ความสัมพันธ์

ในความเป็นมนุษย์เราต่างมีปฏิสัมพันธ์กัน พร้อมกันนั้นความสัมพันธ์ก็สร้างทั้งทุกข์และสุขให้แก่เรา เรามักให้อภัยคนอื่นได้ง่ายกว่าให้อภัยคนในครอบครัว และเราเจ็บช้ำกว่าเมื่อถูกทำร้ายโดยคนใกล้ตัว ความสัมพันธ์ที่เข้าอกเข้าใจทั้งตัวเราและผู้อื่นจึงเป็นช่องทางเข้าถึงความสุขในระยะยาวได้จนถึงบั้นปลายของชีวิต
เครื่องมือสำคัญชิ้นหนึ่งสำหรับดูแลความสัมพันธ์คือทักษะการฟัง วางความคิด คำแนะนำ คำตอบของเราลงก่อน เปิดหูและเปิดใจฟัง ฟังคำพูด ฟังน้ำเสียง ฟังท่าทาง ฟังการนิ่งเงียบ เผื่อว่าเราอาจจะได้ยินสิ่งที่เขาไม่ได้พูดออกมา นี่คือเคล็ดลับหนึ่งของความสุขจากความสัมพันธ์

3 เทคนิค ฟังให้ Deeeeeeep

 

ฟังอย่างผ่อนคลาย

 

เมื่อจะฟังใครพูด ตั้งสติให้ดี เราจะฟังเท่านั้น ไม่ขัด ไม่ถาม ไม่แทรก ไม่เออออ ไม่ยุยงส่งเสริม ฟังให้เขาพูดจนจบ เมื่อให้เรารับรู้ข้อความทั้งหมดอย่างแท้จริง และสังเกตตัวเองด้วยว่า เรารู้สึกอย่างไร เรามีปฏิกริยาอย่างไร เช่น มือสั่น เราไม่ชอบ ไม่พอใจ หรือโกรธ หายใจเข้าออกลึกๆ รับรู้ตัวของเรา และฟังต่อไป

 

อ่านต่อ

 

 

ความสุขของนักเสริมพลังการเรียนรู้เพื่อครูปฐมวัย

ครูเปรียบเสมือนแม่คนที่สองของเด็ก  ครูคนแรกที่เด็กได้เจอหลังจากผละจากอ้อมอกแม่คือครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหรือครูโรงเรียนอนุบาล  ครูคนนี้ต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ “ความรู้” แต่ต้องมี “ความรัก” และ “ความเข้าใจ” พัฒนาการของเด็กในช่วงปฐมวัยมากที่สุด  ทว่า ในสายตาของคนทั่วไปอาจมองเห็นครูเด็กเล็กเป็นเพียงพี่เลี้ยงที่ทำให้เด็กกินอิ่มนอนหลับไปวันๆ เท่านั้น ครูหลายคนจึงขาดโอกาสในการเสริมศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายใน ทว่าในสายตาของสรวงธร นาวาผล และสายใจ คงทนกลับไม่ได้มองเช่นนั้น ทั้งคู่มองเห็น “พลังความรักในอาชีพครู” ที่ซุกซ่อนอยู่ในหัวใจ

เยียวยาผู้ต้องขังหญิงด้วยการสื่อสารอย่างสันติ

“เวลาที่เราไปทำงานในคุก เราเห็นถึงความกรุณาของเขา ถึงแม้สังคมจะตัดสินเขาแบบโน้นแบบนี้ก็ตาม  จากประสบการณ์ตรงของเรา เราเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีจิตวิญญาณที่มีทั้งความเมตตากรุณา ความกระจ่าง ความเชื่อมโยงกับสรรพสิ่งต่างๆ  แต่อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราไปกลบสิ่งต่างๆเหล่านี้ แล้วการที่เราเข้าไปทำงานกับผู้ต้องขังก็เพื่อไปเอาสิ่งพวกนี้ออกเพื่อให้เขาเห็นจิตวิญญาณที่มันมีความเต็มอยู่ในตัวของเขาอยู่แล้ว” กัญญา ลิขนสุทธิ์ หรือ คุณหลิ่ง หญิงวัยกลางคนผู้พลิกผันชีวิตจากอดีตมนุษย์เงินเดือนทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันที่ Silicon Valley สู่นักสื่อสารเพื่อสานสัมพันธ์ หรือ Nonviolent Communication

ถนนแห่งความสุขของ Life Coach

ชีวิตทุกคนล้วนต้องการก้าวเดินไปสู่จุดหมายปลายทางที่ฝันไว้ แต่เรามักจะเจอทางแยกหลากหลายเส้นทางจนบางครั้งเดินอ้อมไปไกล หรือหลงทางไปสู่จุดหมายที่ไม่ได้ใฝ่ฝันจนความสุขในชีวิตลดลงเรื่อยๆ กลายเป็นคนที่ตื่นเช้าไปทำงานด้วยความซังกะตายไปวันๆ เพราะขาดแรงบันดาลใจที่จะก้าวไปสู่ปลายทางที่เคยฝันไว้   คุณทัศนีย์ จารุสมบัติหรือ โค้ชอ้อม หญิงวัยห้าสิบเก้าปีคนนี้เคยเป็นคนหนึ่งที่เดินวกวนอยู่บนเส้นทางที่ “ไม่ใช่ความสุข” มากว่าครึ่งชีวิต  จนวันหนึ่งตัดสินใจหยุดเดินไปบนถนนสายเดิมด้วยการลาออกจากงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อมาเป็นแม่บ้าน ระหว่างที่ “หยุดพัก” เธอจึงเริ่มมองเห็น “ทางเลือกใหม่” ให้ลองก้าวเดิน จนได้ค้นพบความสุขที่ตามหามาเนิ่นนานด้วยอาชีพ “Life Coach”

ปลูกรัก…ปลูกตัวตนให้เติบโต

คุณรู้หรือไม่ว่า จิตของมนุษย์มีดีเอ็นเอที่สามารถถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่งได้โดยที่คุณไม่รู้ตัว จนกลายเป็น “แบบแผน”ของบุคลิกหรือการเลี้ยงดูที่ถูกส่งต่อจากคนรุ่นก่อนสู่คนปัจจุบัน และบางเรื่องอาจนำไปสู่พฤติกรรมที่เป็นปัญหาโดยที่คุณไม่รู้จะเริ่มแก้ไขได้อย่างไรจนกว่าจะมีคนถอดรหัสพฤติกรรมดังกล่าวเพื่อให้คุณค้นพบต้นตอที่แท้จริงของปัญหา ทำให้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองไปสู่ชีวิตที่มีความสุขมากยิ่งขึ้น  ดร.พงษธร ตันติฤทธิศักดิ์ หรือ คุณเอ๋ นักจัดกระบวนการเรียนรู้ (กระบวนกร) และอาจารย์อภิฤดี พานทอง หรือ คุณกิ๊ก นักจิตวิทยา ทั้งคู่ร่วมก่อตั้งบริษัทปลูกรัก องค์กรซึ่งทำหน้าที่พัฒนาระดับจิตให้กับผู้คนมายาวนานกว่าสิบปีบอกเล่าถึงดีเอ็นเอของจิตมนุษย์ให้ฟังอย่างน่าสนใจว่า

ธนัญธร เปรมใจชื่น…รับฟังด้วยหัวใจ

“เราจะพบโจทย์เรื่องความสัมพันธ์ได้ในมนุษย์เกือบทุกคน ทั้งมิติของการงาน ครอบครัว คนรัก ลูก แต่คนมักมองไม่เห็นว่าต้นตอของปัญหามาจากไหน เวลาครอบครัวมีปัญหา เขากลับชี้ไปที่คนนั้น เรื่องนั้น ซึ่งบางทีมันเกี่ยวข้องกับภายในของเขาที่มีทัศนคติจำกัดในการเชื่อมต่อกับผู้คน มันก็เลยส่งผลกระทบในมิติที่หลากหลาย เราเป็นคนเชื่อเรื่องกระบวนการที่ทำให้เขาเห็นตนเอง มันจะไปเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์รอบตัวของเขา แล้วจะแผ่ขยายไปสู่สังคม” ธนัญธร เปรมใจชื่น หรือ อาจารย์น้อง กระบวนกร (วิทยากรกระบวนการ)

ครูณา…สร้างสายใยรักในครอบครัวด้วยโรงเรียนพ่อแม่

“ที่นี่บ้านผม คุณนั่นแหละออกไปจากบ้านนี้”  เสียงสามีท้าทายภรรยาหลังจากทะเลาะกันถี่ขึ้นทุกวัน  แม่ลูกสองเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าด้วยน้ำตานองหน้า   พาลูกชายสองคนขับรถออกจากบ้านจังหวัดนครสวรรค์ไปจนถึงอยุธยา นั่งร้องไห้ระบายความเสียใจพร้อมกับคำถามมากมายผุดขึ้นในใจ เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงที่คนรอบข้างต่างยกย่องว่าประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างเธอ? อดีตวิศวกรการสื่อสารผู้มีอนาคตไกลแต่ตัดสินใจลาออกเพื่อกลับมาเปิดโรงเรียนสอนเสริมแห่งแรกในจังหวัดบ้านเกิดจนประสบความสำเร็จมีสาขาถึงสามแห่ง

ความสุขประเทศไทย
PDPA Icon

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save