คำถามถึงความสุข
Q : ตั้งแต่เป็นโรคซึมเศร้า ไม่เคยรับรู้ถึงความสุขและความรัก ที่คนรอบข้างส่งมาให้เลยค่ะ พอมองไปทางไหนก็เจอแต่คนที่ไม่เข้าใจ เจอแต่คำพูดที่ทำให้รู้สึกแย่ ทั้งๆที่คำพูดเหล่านั้น สำหรับคนที่ไม่ป่วย มันก็คงไม่รุนแรงอะไร รู้สึกว่าเข้ากับใครในสังคมไม่ได้ และคิดอยู่เสมอว่า การหลับไปตลอดกาล น่าจะเป็นทางออก ควรทำอย่างไรดีคะ?
A : คุณมิอาจรับรู้ถึงความสุขและความรักของคนรอบข้างได้ คงเป็นเพราะคุณมองเห็นแต่คนที่ไม่เข้าใจคุณ หรือได้ยินแต่คำพูดที่ทำให้รู้สึกแย่ อาตมาเชื่อว่าคนที่รักคุณ เข้าใจคุณ และชื่นชมคุณมีอยู่ไม่น้อย แต่คุณมองไม่เห็น เพราะมัวแต่จดจ่อแต่สิ่งที่เป็นลบดังที่กล่าวมาข้างต้น ใจของคนเราเหมือนแก้ว ถ้ามีน้ำเต็มแล้ว จะเติมน้ำใหม่ลงไปเท่าไหร่ มันก็ล้นออกหมด
Q : ตั้งแต่วันที่พ่อกับแม่จากไป ทุกครั้งที่มีความสุข ก็จะเกิดความทุกข์เสมอ ว่าทำไม ท่านทั้งสอง ถึงไม่อยู่กับเราในเวลานี้ แล้วทำไมต้องเป็นเรา ที่ต้องเสียท่านทั้งสองไป ความทุกข์นี้มันทรมาน และไม่มีหนทางแก้ไขเลยรึครับ
A : ขณะที่เกิดความทุกข์ ให้คิดว่า ความทุกข์นี้ไม่ได้เกิดกับเราคนเดียว บุคคลมากมายในโลกนี้ต่างสูญเสียผู้ที่เขารัก ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ สามี ภรรยา บุตรชาย บุตรสาว ฯลฯ การสูญเสียและพลัดพรากไม่ได้เกิดกับเราเพียงคนเดียว เคยมีนิทานทิเบตเรื่องหนึ่งที่เด็กหญิงคนหนึ่งสูญเสียพ่อแม่แล้วกลายเป็นขอทาน เธอโศกเศร้า เหงา ว้าเหว่ แต่วันหนึ่งมีลุงคนหนึ่งนำรูปพระโพธิสัตว์ผู้หญิงมาให้ แล้วบอกว่าให้คิดว่านี่คือคุณแม่ของเธอ
Q : หลายคนพยายามค้นหาความสุขด้วยวิธีต่างๆ ที่แตกต่างกัน เช่น บางคนขยันทำงานหาเงิน เพื่อซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกสบายให้กับตัวเอง ในขณะที่หลายคนตั้งหน้าตั้งตาเข้าวัด สวดมนต์ ทำบุญ เพื่อให้จิตใจสบาย และมีความสุข แล้วที่แท้นั้นความสุขจริงๆอยู่ที่ไหน แล้วจะหามันพบได้อย่างไร?
A : หากนำคำถามนี้ไปสุ่มถามความเห็นจากผู้คนบนโลกใบนี้ ผลสำรวจคงออกมาหลากหลายจนเราตาลาย ทั้งที่ประชากรบนโลกต่างก็เพื่อนมนุษย์เหมือนๆ กับเรา แต่ทำไมนิยามความสุขของผู้คนถึงหลากหลายได้ขนาดนั้น บางครั้งคนโน้นก็บอกว่าต้องครอบครองสิ่งนั้น ต้องกินนั่น ต้องไปเที่ยวที่นี่ จึงจะมีความสุขแต่บางคนกลับบอกอีกอย่างตามความเชื่อและค่านิยมของเขา จนหนทางไปสู่ความสุขของคนเราดูจะไม่ไปในทางเดียวกัน ช่างน่าสับสน ความสุขที่แท้จริงเหมือนจะกระจายอยู่ที่โน่นที่นี่จนคล้ายกับเราต้องเหนื่อยเพื่อวิ่งไล่ไขว่คว้าไปทั้งชีวิต หากท่านต้องการได้คำตอบจากคำถามนี้จริงๆ มันจะดีมากกว่าหากไปถามเอาจากผู้ที่ศึกษา เรื่องความสุขความทุกข์ มาเกือบตลอดทั้งชีวิตของท่าน “องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า”
Q : “ใกล้จะเรียนจบอีกไม่กี่เดือน เหมือนเป็นจุดเปลี่ยนใหญ่ในชีวิต มีวิธีทำจิตใจให้เข้มแข็ง และสามารถรับมือกับอุปสรรคที่ต้องพบเจอ ในอนาคตยังไงคะ”
A : ลองมองคนที่ไม่มีโอกาสเรียนแล้วต้องดิ้นรนทำงานไปด้วยสิครับ มีอยู่เป็นจำนวนมากในสังคม เราจะได้รู้ว่าชีวิตที่แท้จริงเป็นอย่างไร เข้าใจถึงหัวอกผู้ปกครองที่ท่านส่งเสียเรา เป็นโอกาสที่เราจะได้ดูแลตัวเอง อาจมีเงินเหลือช่วยที่บ้าน พิสูจน์ว่าเราเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวครับ – อุ๋ย บุดด้าเบลส –
Q : มีคนบอกว่า ยอมเหนื่อยลำบากตอนนี้ เพื่อวันข้างหน้าเราจะสบาย… แต่ถ้าเราใช้ตรรกะที่ว่า ถ้าวันนี้เป็นทุกข์ แล้วอนาคตจะเป็นสุขได้อย่างไร เป็นจริงตามคำพูดที่ว่า หรือไม่ครับ
A : ชีวิตคนเรานั้น มักมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่อยู่ด้วยกันและควรจะมีใจสัมพันธ์ถึงซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง ด้วยคำถามที่ถามมานั้นดีมาก เพราะถ้าไม่ถามก็คงไม่ทำให้หลายคนรู้ได้เพราะเหตุว่าเรื่องนี้ถ้าเด็กอยู่กับผู้ใหญ่แล้วเกิดเรื่องแบบนี้ คงจะต้องนึกถึงศิลปะในการสัมพันธ์ถึงซึ่งกันและกัน คำถามดังกล่าวมันขึ้นอยู่กับคุณภาพของผู้ใหญ่ครับ ถ้าผู้ใหญ่มีประสบการณ์อย่างกว้างขวาง และรู้ได้ซึ่งทำกับเด็กอีกทั้งมีความจริงใจต่อเด็ก เรื่องที่ถามมามันก็เป็นผลดี แต่ถ้าผู้ใหญ่ไม่มีความจริงใจกับเด็กเรื่องที่ถามมามันก็อาจพลิกหน้ามือเป็นหลังมือได้
Q : ไม่รู้สึกมีความสุขกับงานที่ตัวเองรักเหมือนเมื่อก่อน ไม่ใช่ว่าไม่รักงานของเรา แต่มันรู้สึกท้อแท้ ผิดหวัง รู้สึกว่าอยากกลับไปสนุกกับงาน มีความกระตือรือร้นเหมือนเมื่อก่อน ควรทำยังไงดีคะ?
A : สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ วางใจก่อนครับ หมายความว่า ยอมรับและเข้าใจสภาพที่กำลังเป็นอยู่ ยอมรับว่ามีความรู้สึกท้อแท้ ผิดหวัง ไม่ต้องไปสงสัยดิ้นรนหาคำอธิบายอะไรให้มากความ ไม่มัวสงสัยทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงเบื่อ ทำไมถึงเศร้า