JitArsa UP!
หนูรู้สึกว่า พวกเราทุกคนในวันนี้ พวกเราเหนื่อยกับชีวิตตัวเองมากๆ แล้ว หนูอยากให้ตัวหนูมีความสามารถที่จะทำให้ใครสักคนรู้สึกดีขึ้นมาได้ แม้ว่ามันนั้นมันจะเป็นวันที่แย่ที่สุดของเขา หนูอยากช่วยตรงนี้ แค่ช่วยได้บ้างก็ยังดี
.
ตั้งโอ๋เป็นหนึ่งในนักเรียนที่ได้เข้าร่วมกิจกรรม JitArsa UP! กิจกรรมที่ธนาคารจิตอาสาร่วมกับโรงเรียนมัธยมในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครจัดขึ้นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจเชิงรุกและเสริมทักษะให้แก่นักเรียนในระดับมัธยม ในด้านการพัฒนามิติสุขภาวะทางปัญญาผ่านมุมมองในการเป็นจิตอาสา และใช้โอกาสนี้ รับฟังความคิดเห็น ความรู้สึก และมุมมองของนักเรียนมัธยม (วัยรุ่นตอนต้น) รวมไปถึงการรับฟังความฝัน และแรงบันดาลใจของพวกเขาด้วย
.
บทความนี้ เรียบเรียงขึ้นจากการสัมภาษณ์ ตั้งโอ๋ – น.ส.นันท์นภัส วิศรุตาวงศ์ นักเรียนชั้น ม. 3 ซึ่งเป็นนักเรียนในระดับมัธยมต้นเพียงคนเดียวในสภานักเรียนที่ได้ร่วมในกิจกรรมจิตอาสาอัพ ของโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ — ลองมาฟังกันว่า น้องเล็กคนนี้คิดอะไรอยู่
ทำไมตั้งโอ๋จึงสนใจเข้าร่วมกิจกรรมนี้คะ
คุณครูชวนค่ะ คุณครูเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของสภานักเรียน และคุ้นกับหนูมากๆ คงเป็นเพราะหนูชอบทำกิจกรรมมากๆ เลยค่ะ และอาจารย์ก็ใจดีมาก น่ารักมาก เป็นอาจารย์ที่ชอบให้โอกาสนักเรียน ส่วนหนูก็คงเป็นนักเรียนแบบคว้าทุกโอกาสที่มีมั้งคะ อาจารย์ชวนหนูทำอะไร หนูก็ทำหมดเลย (หัวเราะเฮฮา)
คุณครูบอกว่ามีกิจกรรมจิตอาสาอัพ เป็นกิจกรรมต่อเนื่อง จัดหลายครั้ง หนูตื่นเต้นมากเลยค่ะ แต่พอถึงเวลาจริงๆ ปรากฎว่าหนูติดโควิด ต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาล ก็เลยพลาดการจัดกิจกรรมครั้งแรก ได้ร่วมจริงๆ ก็เป็นการจัดครั้งที่สองแล้ว (แต่เป็นการร่วมกิจกรรมครั้งแรกของตั้งโอ๋)
พอได้ร่วมทำกิจกรรมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง จำได้ไหม
จำได้ค่ะ หนูตื่นเต้น แต่วันนั้นมันเป็นวันที่หนูรู้สึกไม่ค่อยดีตั้งแต่เช้าเลย มันเป็นวันที่หนูรู้สึกแย่มากๆ
วันนั้นพี่เขาให้แต่ละคนหยิบการ์ด (การ์ดเพื่อนใจ) แล้วจับคู่กับใครสักคนหนึ่งแล้วคุยกัน ชวนให้เล่าให้คู่ของเราฟังว่าวันนี้เป็นอย่างไร ทีนี้วันนั้นเป็นวันที่หนูรู้สึกแย่มาก หนูรู้สึกไม่ดีกับตัวเองเลย พอจับคู่กับรุ่นพี่ ปรากฏว่า พี่คนที่จับคู่กับหนู เขาฟังทุกอย่างจากหนูจริงๆ เขาฟังหนูพูดทุกอย่างเลย แล้วหนูก็ร้องไห้ ปล่อยโฮออกไปเลย แล้วจากนั้น วันนั้นของหนูก็กลายเป็นวันที่ดีไปเลย หนูจำวันนั้นได้เลย
หนูประทับใจมาก จากวันแย่ๆ กลายเป็นวันที่ดีและน่าจดจำ เพราะมีคนฟังเรา หนูก็เลยคิดว่า ในโอกาสต่อๆ ไปหนูก็ควรจะหยุดเรื่องของหนูเพื่อรับฟังคนอื่นๆ บ้าง เพื่อจะช่วยให้คนอื่นๆ เขามีวันดีๆ แบบนี้บ้าง
แค่การฟังครั้งเดียว สร้างแรงบันดาลใจให้ตั้งโอ๋ขนาดนี้เลยเหรอคะ
หนูคิดว่า “ผู้ฟังที่ดี” เป็นสิ่งที่หายากนะคะ สำหรับพวกเราที่อยู่ในสมัยนี้ — เพราะทุกคนอยากจะพูด อยากจะเล่าเรื่องที่ตัวเองไปเจอมาก เรื่องที่อยู่ในใจ เรื่องที่ตัวเองได้รับมา ไม่ค่อยมีคนอยากฟังเรื่องของคนอื่นหรอก ดังนั้นถ้าเราได้เจอคนที่เขาอยากฟังเราจริงๆ คนแบบนี้อาจจะมีแค่ 1 คน หรือ 2 คน ที่อยู่บนโลก หนูว่าแค่นี้ก็น่าจะถือได้ว่าเราโชคดีแล้ว
จริงๆ แล้วเช้าวันนั้น พี่คนที่เขาจับคู่กับหนู เราไม่ได้สนิทกันมาก่อนนะคะ เขาเป็นพี่ที่อยู่ในสภานักเรียน เขาเรียนอยู่ชั้นม.5 แต่หนูอยู่ชั้น ม.3 ก็ไม่ค่อยคุ้นกันเท่าไร และหนูไม่ได้คาดหวังอะไรด้วย แต่กลายเป็นว่า การฟังของพี่ในวันนั้น ทำให้หนูกล้าเปิดใจ แล้วทุกอย่างก็กลายเป็นเรื่องดีมากๆ เลยค่ะ ประสบการณ์ในวันนั้นทำให้หนูรู้สึกว่าหนูอยากเป็นผู้ฟังที่ดีสำหรับคนอื่นและตัวเองด้วย
หนูว่าทุกวันนี้ พวกเราทุกคนล้วนมีเรื่องที่อยู่ในใจ ไม่ค่อยมีใครอยากฟังใครหรอก แต่ถ้าเราวางเรื่องของเราลงก่อน ฟังคนข้างหน้า
หนูว่า ถ้าหนูทำให้ใครสักคนยิ้มได้ ถ้าทำให้วันนั้นของใครสักคนเป็นวันดีๆ ได้ หนูคงมีความสุขยิ่งกว่าเขาอีก
การที่เราสามารถทำให้ใครบางคนรู้สึกดีมันเป็นสิ่งที่วิเศษมาก หนูก็เลยอยากฝึกสิ่งนี้ค่ะ หนูรู้สึกว่า พวกเราทุกคนในวันนี้ พวกเราเหนื่อยกับชีวิตตัวเองมากๆ แล้ว หนูอยากให้ตัวหนูมีความสามารถที่จะทำให้ใครสักคนรู้สึกดีขึ้นมาได้ แม้ว่ามันนั้นมันจะเป็นวันที่แย่ที่สุดของเขา
หนูอยากช่วยตรงนี้ แค่ช่วยได้บ้างก็ยังดี
ขอโทษนะคะ ตั้งโอ๋มีเหตุการณ์ส่วนตัว หรือมีเรื่องราวที่สนใจเฉพาะที่ทำให้สนใจเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ
หนูชอบกิจกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพตัวเองค่ะ หนูก็เลยทำกิจกรรมเยอะมากอย่างที่บอกไปแล้ว และหนูก็ชอบกิจกรรมด้านจิตใจด้วยเพราะพี่สาวของหนูเป็นซึมเศร้า เรามีกันสองคน อายุห่างกันปีครึ่ง หนูคิดว่าถ้าหนูรู้จักการฟัง ถ้าหนูมีความรู้ในการที่จะฟัง พี่สาวของหนูก็คงกล้าพูดกับหนู กล้าเล่าเรื่องที่เขาประสบมาให้หนูฟังมากขึ้น
แล้วพอตั้งโอ๋ได้รู้จักการฟัง มีประสบการณ์ทั้งการเป็นผู้เล่า และเป็นผู้ฟัง ตั้งโอ๋รู้สึกว่าฟังพี่มากขึ้นไหมคะ
หนูรู้สึกว่า หลังจากที่รู้จักการฟัง หนูสนิทกับพี่มากขึ้น ซึ่งจริงๆ เราก็สนิทกันอยู่แล้ว พี่บอกกับหนูว่า “ฉันรู้สึกว่า เดี๋ยวนี้ฉันมีอะไรฉันก็เล่าให้แกฟังตลอดเลย” ซึ่งหนูดีใจที่เขาบอกหนูแบบนั้น
หนูกับพี่มีกันแค่สองคน ถ้าเราไม่ดูแลกัน ไม่รักกัน ไม่คอยฟังกัน ไม่เชื่อมั่น ไม่ไว้ใจกัน มันคงยากที่เราจะเจอสิ่งเหล่านี้นอกบ้าน หนูเคยบอกเขาว่า หนูอยากให้เขาระบายสิ่งที่ไม่โอเคมาที่หนูได้เลย หนูรองรับสิ่งเหล่านั้นได้ หนูยินดีเป็นโถส้วมให้เขา ในวันที่เขาไม่โอเค หนูอยากเป็นเตียงนุ่มๆ อยากเป็นผ้าห่ม ให้เขา — (คนสัมภาษณ์น้ำตาซึม)
หนูว่าการที่เรากลับเข้าบ้านแล้วได้เจอคนในครอบครัวที่ยินดีดูแลเราจริงๆ คนที่รองรับเราจริงๆ คอยฮีลใจ (heal) เราได้จริง มันหาได้ยากมากในสังคม
นอกจากการฟังแล้ว จิตอาสาอัพ ชวนให้ตั้งโอ๋ทำอย่างอื่นอีกไหมคะ
ตอนนี้หนูบันทึก บันทึกสิบเรื่องดี (10 good things) ค่ะ จริงๆ หนูรู้จักแบบฝึกหัดนี้มาก่อนแล้ว แต่หนูไม่ได้สนใจมาก ไม่คิดว่ามันจะส่งผลดีอะไรมากนัก หนูทำบ้างเพราะมันช่วยให้หนูรู้สึกดี แต่ระยะหลังหนูทำเป็นประจำเลยค่ะ หนูว่าแบบฝึกหัดนี้ทำทำให้เห็นคุณค่าในตัวเอง หนูเห็นสิ่งดีๆ ประจำวัน มันทำให้เห็นว่าในวันนั้นของเราที่บางทีมันแย่ๆ หรือเฉยๆ แต่จริงๆ แล้วมันมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นด้วย
อีกเรื่องที่หนูชอบคือ 8 ร่องการฟัง มันช่วยให้หนูเป็นผู้ฟังที่ดีมากขึ้น — คือหนูไม่ได้มั่นใจขนาดว่าหนูเป็นผู้ฟังที่ดีแล้วนะคะ แต่ มันทำให้หนูรู้จักใส่ใจคนอื่นมากขึ้น เช่น หนูไม่ควรทำด่วนสรุป เวลาคุยกันหนูไม่เกทับ หรือ ไม่แย่งซีน เพราะก็คงไม่มีใครชอบหรอก ใช่ไหมคะ … หรือการพูดแทรกโดยที่เขายังพูดไม่จบ หนูว่า 8 ร่องการฟัง มันอยู่ในชีวิตมากๆ พอรู้เรื่องหนูก็ระวัง พอนึกได้ก็ไม่ทำ เพราะมันทำให้อีกฝ่ายอึดอัด
หนูว่า 8 ร่องการฟัง เป็นเหมือนตัวช่วยให้หนูเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ฟังที่ดีมากขึ้น
ตั้งโอ๋คิดว่า ‘จิตอาสาอัพ’ มีส่วนในการ ‘up’ ตัวหนู หรือสภานักเรียนบ้างไหมคะ
หนูว่า หนูมองโลกเปลี่ยนไปนะคะ เหมือนกับว่าการที่ได้เข้ามาทำกิจกรรม ได้อยู่ในการอบรม 3 ครั้ง (ซึ่งหนูอยู่แค่ 2 ครั้ง) เป็นประโยชน์มากเลย สิ่งสำคัญสำหรับตัวหนูก็คือ การได้เจอคนที่เขาทำดีกับหนูขนาดนี้ ทำให้หนูมี motivation ในการทำดีกับคนอื่นต่อๆ ไป
สิ่งที่ส่งผลกับสภานักเรียน — หนูรู้สึกว่ากิจกรรมนี้ทำให้พี่ๆ คนอื่นๆ ในสภานักเรียนที่หนูเคยคุยด้วย คนที่เคยจับคู่สนทนากัน พวกเราสนิทกันมากขึ้น พวกเรารับรู้เรื่องราวของแต่ละคนมากขึ้น ปรึกษากันได้ ฟังกันได้มากขึ้น เข้าใจกัน บางทีหนูรู้สึกว่าจิตอาสาอัพทำให้สภานักเรียนเป็นครอบครัวที่สอง เราเป็นครอบครัวเดียวกันมากขึ้น
จริงๆ แล้ว ถ้าเปิดใจทำกิจกรรมนี้จริงๆ หนูว่ามันไม่ใช่กิจกรรมที่ทำ 3 ครั้งแล้วจบไป ยังทำต่อไปได้เรื่อยๆ เอาไปฝึกใช้เรื่อยๆ ความสนิทสนมกัน การปฏิบัติตัวต่อกัน ก็จะยิ่งพัฒนาไปอีก มันเป็นกิจกรรมที่ไม่จบค่ะ
.
ขอบคุณตั้งโอ๋มากๆ ทั้งขอบคุณที่เล่าให้พวกเราฟังอย่างเปิดหัวใจ และขอบคุณปณิธานอันยิ่งใหญ่ของนักเรียนตัวน้อยๆ คนนี้ ขอบคุณมากๆ
โรงเรียนที่สนใจร่วมในโครงการจิตอาสาอัพในปี 2566 กรุณาติดต่อที่ อีเมล: nuengruethai.jbank@gmail.com