เขียนเพจเพื่อเป็นหมอที่ดีและมีความสุข
คุณหมอนางงาม อาจารย์แพทย์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของเพจเฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ‘หมอนางงาม Beautiful Mind Doc’ คือผู้บอกเล่าให้เราฟังถึงความสำคัญที่ตั้งใจสร้างเพจนี้ขึ้นมา
เธอขอให้เราเรียกเธอว่า ‘หมอนางงาม’ ตามชื่อเพจ แทนการกล่าวถึงชื่อจริง เพื่อประโยชน์ระยะยาวในการดูแลคนไข้ได้อย่างเต็มที่ ย้อนกลับไปหลายปีก่อน เธอมาเรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง และด้วยผลงานถูกใจอาจารย์ เลยอยู่ต่อเพื่อเป็นอาจารย์แพทย์ประจำสาชาวิชา
อาจารย์บอกให้อยู่ก็อยู่ ก็ทำได้ แต่ไม่รู้สึกว่าจะต้องสอน
เธอกล่าว โลกของแพทย์มักถูกสอนมาตลอดให้เน้นทางด้านวิชาการ คนที่ถูกชื่นชมคือคนที่เก่ง ทั้งสอนเก่ง ทำวิจัยเก่ง และต้องมีผลงานทางวิชาการ ลึกๆ เธอรู้สึกว่ามันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
สถานการณ์เปลี่ยนชีวิต
มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เราเปลี่ยนวิธีคิด จนทำให้ตั้งใจมาเขียนเพจคือ มีอาจารย์หมอท่านหนึ่งที่ทั้งเก่ง ดัง และดี ศาสตราจารย์คนนี้มีผลงานทางวิชาการมากมาย วันหนึ่งอาจารย์เส้นเลือดในสมองแตก แล้วก็นอนติดเตียง ผอมดำ ไม่มีญาติ ไม่มีใคร พอเรานั่งดูแล้วก็เกิดคำถาม มันใช่ไหมที่เราถูกโลกบอกว่าให้ใช้ชีวิตแบบนี้ทั้งชีวิต แล้วตอนจบมันเป็นแบบนี้ พอเราได้ตระหนัก เราก็อยากให้คนอื่นรวมทั้งนักเรียนแพทย์ได้เห็นด้านอื่นของชีวิต เราสามารถเป็นหมอโดยที่เราไม่เสียด้านอื่นไปด้วย คือชีวิตหมอส่วนใหญ่มันไม่ค่อยสมดุล มันจะมุ่งมาด้านความรู้ทางการแพทย์อย่างเดียว โดยที่บางคนลืมครอบครัว ลืมด้านอื่นของชีวิต อย่างด้านจิตวิญญาณ เราก็ไม่อยากให้เขาเสียใจภายหลัง ซึ่งเป็นการบอกเล่าเพื่อทำให้เขารู้ว่ามันมีอะไรที่จะต้องไปเจอในอนาคตข้างหน้า
ก้าวเข้าสู่จุดเริ่มต้น
เธอตั้งใจจะเล่าเรื่องราวการมองชีวิตจากมุมมองของอาจารย์แพทย์ ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะมีคนเขียน เธออยากเล่าเรื่องธรรมะโดยไม่ให้เหมือนธรรมะ
ถ้าเรามีความสามารถที่จะเข้าใจตนเอง เราสามารถที่จะเข้าใจทุกเรื่องได้หมดเลย จะเอาไปใช้กับเรื่องไหนก็ได้ เรื่องงาน เรื่องเรียน เรื่องความรัก คือมันช่วยได้หมด
เธอค่อยๆ ตกผลึกเรื่องราวในชีวิต แต่ยังไม่มีโอกาสเขียนออกมาจริงจัง จนกระทั่งได้ไปเรียน Acting Coach กับครูโอ๋ กฎทอง บุญพรรคนาวิก ซึ่งสอนเรื่องการพูดบนเวที การนำเสนอตัวเอง และมีการให้เขียนเพจด้วย เธอจึงตั้งใจเขียนเพจนี้ขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า ‘หมอนางงาม Beautiful Mind Doc’ เป็นชื่อที่ครูโอ๋ช่วยตั้งให้ เธอเล่าต่อว่า
ครูโอ๋มองว่า เวลาหมอตอบคำถามเหมือนนางงาม ตอบกินใจ บุคลิกมันดูใช่ แต่เราก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรา ดูขัดกับตัวเอง เลยขอเพิ่มคำว่า beautiful mind และคำว่า Doc ซึ่งหมายถึง Doctor และ Document เพื่อบอกถึงเนื้อหาภายในเพจมากขึ้นด้วย
‘หมอนางงงาม’ เพจเกี่ยวกับสุขภาพ ความสวยความงามหรือเปล่า
หลายคนเข้าใจว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับสุขภาพด้วย แต่จริงๆ เป็นเรื่องของจิตใจล้วนๆ เรามองว่าเรื่องสุขภาพมีคนทำตรงนี้เยอะอยู่แล้ว เราก็ไม่เหมือนเพจอื่นๆ ที่พูดถึง mind set (ชุดความคิด) หรือความสุขด้วย เราจะมองด้านที่ผ่านคน ซึ่งเราสัมผัสคนเยอะ สัมผัสคนไข้ สัมผัสนักเรียนแพทย์ สัมผัสคนหลากหลาย จริงๆ อยากสื่อสารไปยังกลุ่มนักเรียนแพทย์ เราไม่สามารถสอนนักเรียนตรงๆ ได้ มองโลกอย่างนี้สิ มันไม่ได้ เรื่องที่เราเล่าทำให้นักเรียนมองเราอีกมุมหนึ่งที่ไม่ใช่อาจารย์แพทย์ มองมุมคนธรรมดา เขาสามารถเปิดโลกทัศน์ได้ว่า ถ้าเรารู้สึกว่าการเป็นนักเรียนแพทย์ต้องเรียนให้เก่ง เรียนให้ชนะ ต้องทำสิ่งนี้ ซึ่งโลกบอกเรา มันไม่ใช่คำตอบเสมอไป บางทีเราก็เสียดายว่าเด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กที่เก่งมาก แต่โอกาสที่เขาจะได้มองมุมอื่นนอกเหนือจากแค่การเรียน มันค่อนข้างยาก ซึ่งเราก็มาเล่าในเพจเรื่องของใจ เรื่องของ mind set คู่กันไปกับเรื่องของวิชาการ เป็นเพจที่เอาไว้หลอกนักศึกษาแพทย์
หน้าที่ของอาจารย์ในโรงเรียนแพทย์
มีคนถามเรา มานั่งเขียนเพจอย่างนี้มันใช้เวลาเยอะมาก ทำไมไม่เอาเวลาไปทำวิจัย ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจารย์หมอควรจะทำ แต่เราคิดว่าเรากำลังทำงานให้นักศึกษาแพทย์ของเราอยู่ เราหลอกให้เขามองโลกด้วยใจอีกแบบหนึ่ง ถ้าเขามีใจอย่างนี้ เขาจะเป็นหมอที่ดีและมีความสุข มีจิตใจที่จะช่วยเหลือคนอื่น เขาจะทำอะไรก็ได้หมด เขาจะเป็นหมอหรือไม่เป็นหมอก็ตาม เขาจะเป็นคนดีของสังคมและช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งส่งผลมากกว่า โดยที่เขาไม่รู้ตัวว่าถูกสอนอยู่ คล้าย mentoring (ระบบพี่เลี้ยง) โดยใช้เทคนิคการเล่าเรื่อง ความเป็นครู ความเป็นโค้ช มันเปลี่ยน mind set คนได้ ถ้าใจเราไม่เต็มที่ เราก็สอนได้ไม่เต็มที่ เราก็ต้องมีใจที่เป็นกุศล มีเทคนิคประกอบ สามารถพลิกชีวิตคนคนหนึ่งได้เลย
เราถามเธอต่อในเรื่องการพูดคุยกับนักเรียนและความสุขที่เธอได้รับ ก็ได้คำตอบกลับมาว่า
ก็คุยให้นักเรียนแพทย์มีความสุขกับการเดินตรวจดูคนไข้ในหอผู้ป่วย คุยกับเขาเรื่องอื่นด้วยว่าบุคลิกภาพเป็นยังไง การคิด การมอง การพูดกับคนไข้ พูดทุกอย่างที่มันเกี่ยวกับมนุษย์และใจ กลายเป็นว่าติดอันดับอาจารย์ที่ประทับใจ บอกว่าเป็นอาจารย์ที่ประทับใจ ใจดี เข้าใจเด็ก มีอันที่ตลกมากก็คือเขียนมาว่า อาจารย์หมอนางงาม มีนักเรียนมาแซวข้างนอกบ้าง ก็ดีใจ ไม่ใช่แค่นักเรียนที่สอน นักเรียนจากสถาบันอื่นก็เข้ามาคุยหลังไมค์ รู้สึกว่ามันก็มีประโยชน์ ไม่ได้เสียเวลาเปล่า
อุปสรรค
สิ่งที่พบได้ทั่วไปสำหรับคนจัดทำเนื้อหาและคนที่ตั้งใจทำเพจขึ้นมาคือ การต่อสู้กับความรู้สึกและความคิดของตนเอง เมื่อมีคนไม่สนใจหรือไม่เห็นด้วยในเนื้อหาที่นำเสนอ ซึ่งเพจคุณหมอนางงามก็พบไม่ต่างกัน แต่เธอก็ใช้ความรู้สึกที่ว่า
เราแค่ต้องการจะเขียน ใครจะอ่านหรือเปล่า ใครจะได้หรือเปล่า เราก็ได้ทำในสิ่งที่คนอื่นจะได้ประโยชน์ด้วย คนที่เข้ามาอ่านก็คือคนที่สนใจจริงๆ และก้าวข้ามความรู้สึกตัวเองด้วยว่า เราทำตามความรู้สึกของเรา อย่าได้ไปกังวลกับความเป็นตัวตน
เพจนี้กลายเป็นเรื่องเด่นเรื่องหนึ่งในชีวิตเราเลย กลายเป็นว่าเรายิ่งต้องตกตะกอน ตกผลึกความคิดของเราทุกวัน มันไม่ใช่แค่ผ่านไปวันๆ ทำให้เราต้องมองอะไรอย่างลึกซึ้ง มันเปลี่ยนชีวิตเรา แม้กระทั่งเนื้อหาจะสังเกตได้ว่า ความคิดช่วงกลางๆ เพจค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนแล้ว เริ่มมีความลึกซึ้งในการมองอะไรมากขึ้น พอเราทำอะไรที่มันเป็นประโยชน์ มันยิ่งทำให้รู้สึกเต็มมาก คือช่วยเติมเต็ม เราก็ถือเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งมันก็มีส่วนที่ประสบความสำเร็จบ้าง ไม่ประสบความสำเร็จบ้าง ตอนนั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่าประสบความสำเร็จอะไร ก็เหมือนทำงานไปวันๆ อาจไม่ได้มีความสุขมากด้วยซ้ำ พอทำเพจแล้วมันมีประโยชน์ต่อคนอื่นได้ พอเราเข้าใจคนอื่น มันรู้สึกพลิกกลับมามีความสุขกับงาน
พอเราเข้าใจตนเอง เราจะเข้าใจคนอื่น พอเราเข้าใจคนอื่น เราก็จะเข้าใจตนเอง มันรู้สึกเต็มจนรู้สึกว่าไม่ต้องไปทำอะไรด้านนอกด้วย หรือไม่ต้องพยายามเขียนให้คนชอบ เขียนในสิ่งที่เราได้ในวันนี้ แล้วมันน่าจะเป็นประโยชน์ มันกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เราเจอความรักด้วย พอเราเต็ม ทุกอย่างก็จะเข้ามาเอง
คุณหมอกล่าวกับเราด้วยรอยยิ้มบางๆ พร้อมกับบอกว่าจะมีข่าวดีในปีหน้า ทำให้เราอดยินดีกับเธอด้วยไม่ได้จริงๆ คนรักของเธอช่างโชคดีที่มีทั้งคุณหมอที่ดูแลได้ทั้งกายและใจ