ราคาของการเปลี่ยนแปลง
ขอเดาว่าครั้งหนึ่งหรือหลาย ๆ ครั้งในชีวิตที่เราทุกคนต่างเคยคิดว่า “เอาล่ะ ฉันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตฉันให้มีความสุขมากขึ้นเสียที” หลังจากนั้น อาจจะมีบางคนที่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองจนสำเร็จ บางคนก็ยังรี ๆ รอ ๆ แล้วก็มีอีกหลายคนที่อาจจะลืมเลือนและไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง
อะไรคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้ใครสักคนลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง?
และถ้าการเปลี่ยนแปลงในชีวิตตีเป็นราคาได้ เราคิดว่าราคาของมันจะสูงสักเท่าไร?
ที่ประเทศไต้หวัน มีชายคนหนึ่งชื่อ จื่อจวิน หรือใช้ชื่อเวลาที่ทำหน้าที่พิธีกรว่า เสี่ยวหม่า ตอนเด็กบ้านของเขาจนมาก แต่หลังจากพ่อของเขาทำธุรกิจได้เงินมา ครอบครัวก็สุขสบายขึ้น ตอนนั้นเองที่เขาได้เห็นถึงพลังของเงินที่ (คิดว่า) สามารถซื้อความสุขได้เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นตลอดชีวิตของเขา จึงมุ่งอยู่กับการหาเงินให้มาก ๆ เพื่อที่เขาจะมีความสุขมากขึ้น ๆ
ชีวิตที่ร่ำรวย การงานก้าวหน้า จื่อจวินสนุกกับชีวิต ใช้ชีวิตหรูหรา ปาร์ตี้ทุกวัน มีเพื่อนล้อมหน้าล้อมหลัง จนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนคนหนึ่งชวนเขาไปร่วมทำธุรกิจที่เขาไม่คุ้นเคยและจัดการโกงเงินเขาไปทั้งหมด รวมทั้งพาแฟนสาวของเขาจากไปด้วย ตอนนั้นเองที่จื่อจวินรับรู้ถึงรสชาติความขมปร่าที่สุดของชีวิตอย่างที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน
ในระหว่างนั้นเกิดเหตุการณ์พายุพัดถล่มไต้หวัน มีผู้คนล้มตายเดือดร้อนสิ้นเนื้อประดาตัวมากมายมหาศาล ระหว่างที่ดูข่าว จื่อจวินคิดในใจว่าตัวเขาในตอนนี้ก็หมดสิ้นทุกอย่างไม่ต่างกัน อะไรไม่รู้ลึก ๆ ในใจบอกกับเขาว่า เขาต้องไปช่วยชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยให้ได้
จื่อจวินไปทำหน้าที่อาสาช่วยผู้ประสบภัยตลอด 1 วันเต็ม เขารู้สึกเหนื่อยมาก ล้มตัวลงนอนอย่างหมดแรง ตอนนั้นเองมีคุณยายคนหนึ่งเดินถือน้ำแก้วหนึ่งมามอบให้กับเขา แม้ไม่ได้เอ่ยปาก แต่ในดวงตาของคุณยายมีแต่คำขอบคุณอย่างซาบซึ้ง ตอนนั้นเองที่จื่อจวินหลั่งน้ำตาออกมาอย่างสุดกลั้น เขาได้สัมผัสกับความสุขที่ตามหามาตลอด ชีวิตที่เคยคิดว่าไม่เหลืออะไรแล้ว กลับคืนมามีคุณค่าอีกครั้ง
จื่อจวินเล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นผ่านรายการทีวีว่า “ผมคิดว่าผมมาที่นี่เพื่อช่วยเขา แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายคนที่ถูกช่วย…กลับเป็นผมเอง”เขายังได้ฝากข้อคิดทิ้งท้ายในรายการว่า เขาไม่ปฏิเสธว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญ แต่ขอให้ทุกคนจงโปรดตระหนักว่า “อย่าได้สิ้นเนื้อประดาตัว…จนเหลือแค่….เงิน”
ในช่วงเริ่มต้นของสงครามที่ประเทศซีเรีย เด็กหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเอกวิชาคณิตศาสตร์ชื่อ Asem Hansa ตัดสินใจหยุดเรียน เปลี่ยนความตั้งใจมาเป็นหมอในบ้านเกิด แต่แล้วในปี 2013 รถพยาบาลที่เขาโดยสารก็ถูกโจมตีโดยกองกำลังทหาร Asem Hansa ได้รับบาดเจ็บต้องตัดขาซ้ายตั้งแต่หัวเข่าลงไป เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เขาตัดสินใจว่า “ขาข้างที่เสียไป คือ ราคาที่จ่ายให้สำหรับความเปลี่ยนแปลงในชีวิตตนเอง”
Asem Hansa ย้ายไปอยู่ในค่ายพักพิงที่จอร์แดนเพื่อรักษาตัว ระหว่างนั้นเขาได้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีภาพพิมพ์ 3 มิติและเทคโนโลยีอื่น ๆ เพื่อการออกแบบอวัยวะเทียมจนเชี่ยวชาญ สามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 20 เท่า เขาจึงได้เข้าร่วมกับองค์กรไม่แสวงหากำไร ROW : Refugee Openware เพื่อช่วยกันดำเนินงานเรื่องเทคโนโลยีในการสร้างอวัยวะเทียมให้แก่บรรดาชาวซีเรียที่ต้องกลายเป็นผู้พิการจากผลกระทบของสงครามที่มีจำนวนมากมายนับแสนคน
วันนี้ Hansa Asem และทีมของเขาตัดสินใจขอลี้ภัยไปอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน เพื่อให้สามารถทำงานด้านการช่วยเหลือผู้พิการจากสงครามได้สะดวกและขยายไปมากยิ่งขึ้น และนอกจากงานเทคโนโลยีช่วยผู้พิการแล้ว เขายังเปิดสอนเรื่องเทคโนโลยีให้กับเด็กผู้ลี้ภัยที่เมืองเบอร์ลินอีกด้วย
ทั้ง จื่อจวิน และ Asem Hansa ต่างค้นพบการเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองไปสู่ความสุขด้วยการให้และการช่วยเหลือผู้อื่น ราคาของการเปลี่ยนแปลงชีวิตของ
เรื่องราวของจื่อจวินและ Asem Hansa ถูกแชร์และเผยแพร่ไปในโซเชียลมีเดียมากมาย ด้วยความหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้ลุกขึ้นมาตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง
เพราะหากไม่เริ่มตั้งแต่วันนี้…ไม่แน่ว่าในอนาคต…ราคาการเปลี่ยนแปลงของชีวิตเราอาจจะสูงมากจนจ่ายไม่ไหวก็เป็นได้…
รับฟังเรื่องราวของจื่อจวินเต็ม ๆ ที่ https://www.facebook.com/shoot2china/videos/1013311752107484/
และอ่านเรื่องราวงานของ Asem Hansa ที่ http://www.row3d.org/