ลานกีฬาพัฒน์
รู้จักหรือยัง?…..’ลานกีฬาพัฒน์’ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ให้ชาวกรุงได้มีพื้นที่ออกกำลังกาย พัฒนาใจ
ท่ามกลางความเจริญและความสะดวกสบายของเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร ในบางแง่มุมชาวกรุงก็อาจกลายเป็นผู้ด้อยโอกาสกับเขาได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องของการมีพื้นที่โล่งให้ขยับแข้งขยับขาออกกำลังกาย ลานกว้างสำหรับเล่นกีฬาหรือเพื่อจัดกิจกรรมในชุมชน นับวันพื้นที่เหล่านี้ดูจะยิ่งหายากเข้าไปทุกที
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเล็งเห็นถึงปัญหานี้เช่นเดียวกัน จึงทรงมีแนวพระราชดำริให้มีการจัดสรรพื้นที่ให้ประชาชนในเมืองหลวงได้มีลานกีฬา เพื่อเป็นการสร้างเสริมสุขภาวะทั้งกายและใจ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการ ‘ลานกีฬาพัฒน์’ ซึ่งมีความหมายว่า ‘ลานกีฬาแห่งความเจริญ’
ปัจจุบัน ลานกีฬาพัฒน์แห่งแรก หรือ ‘ลานกีฬาพัฒน์ 1’ เปิดมา 3 ปีแล้ว ตั้งอยู่ที่บริเวณชุมชนเคหะคลองจั่น เขตบางกะปิ ถ้าใครได้ผ่านไปแถวนั้นขอให้ได้ลองแวะเข้าไปสัมผัส แล้วจะพบและเข้าใจความหมายของลานกีฬาของชุมชนที่แท้จริง
พื้นที่ประมาณ 8 ไร่บริเวณแฟลตคลองจั่น ร่มรื่นและถูกออกแบบจัดสรรเป็นลานกีฬาและพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ เพื่อรองรับกิจกรรมหลากหลายชนิด สำหรับคนทุกวัยอย่างได้สัดส่วน ไม่ใช่เฉพาะแค่ในแง่ของความสวยงามของการออกแบบ แต่เป็นเพราะทุกพื้นที่ในลานกีฬาแห่งนี้ ทุกคนในชุมชนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและกำหนดตำแหน่งการจัดวางด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน
“ความพิเศษของลานกีฬาพัฒน์ก็คือ พระองค์ท่านอยากให้เป็นลานกีฬาของชุมชนจริงๆ โดยให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมบริหารจัดการดูแล ไม่เหมือนสวนสาธารณะทั่วไปที่จัดการโดยส่วนกลาง โดยที่ชาวบ้านไม่รู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ ดังนั้นเราเลยให้ชุมชนมีส่วนร่วมตั้งแต่การออกแบบพื้นที่เลย” นฤมล พลดงนอก หนึ่งในทีมสถาปนิกจากสถาบันอาศรมศิลป์ ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบลานกีฬาพัฒน์กล่าว
“สถาบันอาศรมศิลป์เราสร้างกระบวนการชวนชาวบ้านมาร่วมแสดงความคิดเห็น ให้เขาช่วยกันคิดว่าในลานกีฬาของชุมชนเขาจะมีอะไรบ้าง ให้ชาวบ้านเป็นคนช่วยกำหนดตำแหน่งว่ามุมกิจกรรมต่างๆ จะอยู่ตรงไหนบ้าง…เพราะถึงแม้เราจะเป็นสถาปนิก แต่ชุมชนเขาอยู่ตรงนั้น เป็นคนใช้งานลานกีฬาจริงๆ เขาย่อมรู้ดีกว่าเรา”
การมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ย่อมหมายถึงการต้องรวมใจผู้คนชาวการเคหะคลองจั่นที่มีจำนวนถึง 30 อาคาร รวม 5,814 ยูนิต เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สิ่งที่สามารถรวมจิตใจทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียวได้จนสำเร็จก็คือ การได้รับรู้ว่าโครงการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
“ตอนที่ได้ยินว่าจะสร้างลานกีฬา ชุมชนก็เห็นด้วยนะ เพราะเมื่อก่อนตรงนี้เป็นที่รกร้างเป็นป่า ถ้าปล่อยไปที่ตรงนี้ก็จะเป็นที่รกร้างมั่วสุม แต่ตอนแรกก็มีแรงต้านอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะกลัวว่าจะมีเรื่องของการหาผลประโยชน์อย่างอื่นแอบแฝงมาด้วย แต่พอบอกว่าเป็นโครงการเนื่องมาจากพระราชดำริ ชุมชนก็มั่นใจ ยิ่งพอได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น แล้วเห็นภาพว่ามันสวย น่าใช้ ก็เริ่มสนใจ ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีของคนในชุมชนขึ้นมา” คุณเอกมงคล ปัญญาไว ประธานคณะกรรมการลานกีฬาพัฒน์ 1 เล่าถึงความรู้สึกของชุมชน
ความเป็นพื้นที่ของชุมชนอย่างแท้จริง ทำให้ลานกีฬาพัฒน์มีเสน่ห์กว่าสวนสาธารณะและลานกีฬาอื่นๆ เพราะนอกจากเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกายและเล่นกีฬาแล้ว ที่นี่ยังเป็นเหมือนศูนย์รวมของกิจกรรมเกือบทุกอย่างในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นวันเด็ก วันพ่อ การแข่งขันกีฬาอนุบาล การจัดแสดงดนตรี กิจกรรมศิลปะของเยาวชน ชมรมผู้สูงอายุ ฯลฯ ส่งผลให้ชุมชนแห่งนี้มีความเป็นปึกแผ่นมากขึ้น รักกันมากขึ้น และยังมีความสุขมากขึ้นอีกด้วย
“การเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดสุดคือเรื่องของจิตสำนึกของความเป็นชุมชน จากที่เคยมีคิดต่างจนแตกแยกก็ดีขึ้น….ผู้สูงอายุก็สุขภาพดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น เพราะมีพื้นที่ได้มาทำกิจกรรมด้วยกัน….เวลาทำกิจกรรมชุมชน เด็กผู้ใหญ่ก็ได้มาเจอกันหมด ที่สำคัญทุกอย่างเป็นการทำโดยจิตอาสา ไม่มีงบประมาณ กองทุนหรือผลตอบแทนใดๆ ซึ่งตรงนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน พึ่งพาอาศัยกัน” คุณเอกมงคลกล่าว
ในวันนี้…เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีต่อชาวชุมชนเคหะคลองจั่น ชาวชุมชนทุกคนจึงขอตั้งมั่นที่จะสานต่อกิจกรรมลานกีฬาพัฒน์ 1 แห่งนี้ต่อไป มิใช่เพียงเพื่อประโยชน์ของชุมชนเอง แต่เพื่อเป็นพลังเล็กๆ ที่จะจุดประกายให้ชุมชนอื่นได้มีแรงบันดาลใจ ต่อเติมจิตสำนึกของชุมชน สานต่อสู่จิตอาสาพลังแผ่นดิน
“เราคุยกันว่าแม้ในหลวงรัชกาลที่ 9 จะสวรรคตแล้ว แต่ลานนี้ก็ยังเป็นของแผ่นดิน ต่อจากนี้คงมีลานกีฬาพัฒน์ 2,3 และต่อๆ ไป พวกเราลานกีฬาพัฒน์ 1 ต้องทำตัวเป็นต้นแบบที่ดี เป็นพื้นที่ต้นแบบให้กับชุมชนอื่นๆ ได้เข้ามาเรียนรู้และเข้าใจว่าลานกีฬาพัฒน์คืออะไร…เราทุกคนภูมิใจที่ชุมชนเราเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ร่วมสร้าง ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการทำความดีตามรอยของพระองค์ท่าน” คุณเอกมงคลกล่าว
และแม้จะยังมองไม่เห็นว่าความสำเร็จครั้งนี้จะมาถึงเมื่อไร ..แต่ชาวชุมชนเคหะคลองจั่นก็ไม่หวั่นไหว ขอเพียงแต่ให้ได้เริ่มต้น ด้วยความหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยจุดประกายเล็กๆ สานต่อให้เกิดสิ่งดีๆ ขึ้นบนผืนแผ่นดินไทยในอนาคต
** ชวนทุกคนมาร่วมเป็น 1 ในพลังความดีให้กับประเทศไทย เช่นเดียวกับชาวชุมชนเคหะคลองจั่น ในโครงการจิตอาสาพลังแผ่นดิน เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.palangpandin.com #จิตอาสาพลังแผ่นดิน #palangpandin