เมื่อ Dr. Richard Teo เศรษฐีเงินล้าน และแพทย์ด้านความงามชื่อดังชาวสิงคโปร์ วัย 40 ปี พบว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย นี่คือสิ่งที่เขาอยากจะบอก…
ข้างล่างนี้คือคำบรรยายของ Dr. Richard Teo เศรษฐีเงินล้านและแพทย์ด้าน
ชื่อดังชาวสิงคโปร์อ
เขาได้มาเล่าประสบการณ์ชีวิ
สวัสดีครับทุกท่าน เสียงผมจะแหบเล็กน้อย ได้โปรดอดทนกับเสียงผมหน่อย
ขอแนะนำตัวเองก่อน ผมชื่อ Richard เป็นแพทย์ครับ ผมอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ
ต้องขอขอบคุณท่านศาสตราจารย
ผมหวังว่ามันคงจะช่วยให้พวก
train เป็นทันตแพทย์ศัลยกรรมช่องป
ตอนผมยังเด็ก ผมเป็นตัวอย่างผลผลิตของสัง
ตามที่สังคมต้
ผมถูกพร่ำสอนจากสื่อต่างๆ จากผู้คนรอบๆ ตัวว่าความสุขเป็นเรื่องของ
และความสำเร็จที่ว่าก็เป็นเ
ไม่เพียงแต่ต้องเข้าเรียนใน
ในทุกกลุ่มที่สังกัด ในถนนทุกสาย ผมต้องได้ถ้วยรางวัล ต้องได้รับชัยชนะทุกๆอย่าง
ผมเข้าเรียนในโรงเรียนแพทย์
จักษุวิทยา (Opthalmology) เป็นหนึ่งในสาขาที่แย่งกันเ
และผมก็ได้เรียน แถมยังได้ทุนงานวิจัยจากมหา
ในช่วงที่ผมเรียนอยู่นั้น ผมได้สิทธิบัตร 2 ฉบับ ฉบับหนึ่งเกี่ยวกับเครื่องม
แล้วพวกคุณรู้มั้ย, บรรดาความสำเร็จทางวิชาการพ
ดังนั้นหลังจากหมดพันธะกับท
การฝึกฝนทางจักษุวิทยามันใช
พวกคุณคงพอรู้ว่าไม่กี่ปีที
ดังนั้นผมจึงตัดสินใจ พอกันทีกับงานในมหาวิทยาลัย
ผมจึงลาออกจากการ train กลางคันและหันเหไปตั้งคลินิ
พวกคุณรู้มั้ย น่าขำที่ผู้คนไม่ได้มองหาฮี
พวกเขามองหาฮีโร่จากแพทย์ที
เพื่อพบแพทย์ทั่วไป แต่ไม่บ่นสักคำที่จะจ่ายเป็
ก็แล้วแต่ ดูเหมือนไม่มีสมองเอาเลยว่า
เป็นแพทย์ความงามดีกว่า ดังนั้น, แทนที่ผมจะรักษาความเจ็บไข้
คุณเอ๋ย ธุรกิจมันดี ดีจริงๆ ผ่านไป 1 สัปดาห์ 3 สัปดาห์ 1 เดือน 2 เดือน แล้วก็ 3 เดือน คลินิกผมก็ล้น
คนมารับบริการมากมาย ช่างเป็นธุรกิจที่มหัศจรรย์
และสุดท้าย 4 คน ภายในปีแรก ผมทำเงินเป็นล้านๆ นั่นแค่ปีแรกนะ ผมเริ่มลุ่มหลง หมกมุ่นกับมัน
ผมขยายธุรกิจไปที่อินโดนีเซ
ทีนี้ผมทำกับเงินที่หามาได้
ผมสังกัดกลุ่มคนรักรถ supercar ผมชอบสะสมรถครับ ผมซื้อรถหรูๆ ขับไปถึงมาเลเซียโน่น
เพื่อไปแข่งรถในสนามแข่ง นั่นละครับชีวิตของผม เงินยังเหลืออีกเยอะ ทำอะไรอีก?
ผมซื้อ Ferrari ครับ ตอนนั้น รุ่น 458 ยังนิยมมาก เปิดประทุนได้ด้วย (ชี้ใน slide)
นี่เพื่อนสมัยมัธยมของผมครั
พอได้รถแล้วทำอะไรอีก? ถึงเวลาที่ต้องซื้อบ้านแล้ว
และก็สร้างบ้าน (slide แสดงรูปคฤหาสน์หลังใหญ่ของเ
ผมอยู่ท่ามกลางสังคมของคนร่
ผมไปดื่มไปเที่ยวกับคนพวกนี
ร้านอาหารก็ต้องระดับ Michelin เท่านั้น
ตอนนั้นผมถึงจุดที่ได้ทุกสิ
นี่คือรูปผมเมื่อปีก่อน กำลังเล่น Gym อยู่ หล่อล่ำเลย ตอนนั้นผมคิดไปว่าทุกสิ่งทุ
อยู่ภายในการควบคุมขอ
แต่…ผมผิดถนัดครับ ทุกอย่างไม่ได้อยู่ในการควบ
ผมเริ่มรู้สึกเจ็บตรงกลางหล
ผมจึงไปโรงพยาบาล พบเพื่อนผม ผมทำ MRI เพื่อดูว่าอาจจะมีหมอนรองกร
เย็นวันนั้น เพื่อนผมโทรมาบอกว่า “กระดูกสันหลังของนายดูเหมื
” ผมตอบไปว่า “ว่าไงนะ มันหมายความว่ายังไง?” อันที่จริงผมรู้ความหมายดี แต่ไม่ยอมรับความจริง
“พูดจริงหรือเปล่า” ตอนที่คุยนั้น ผมยังวิ่งอยู่ใน Gym อยู่เลยคุณรู้หรือเปล่า วันถัดมาผมทำ scan ต่างๆ เพิ่มเติม
รวมทั้ง PET scan ด้วย สุดท้ายก็สรุปว่าผมเป็นมะเร
“มันมาจากไหนกันวะ” มะเร็งลามไปสมอง ไปกระดูกสันหลัง ไปตับและต่อมหมวกไตเรียบร้อ
พวกคุณลองคิดดู ผมคิดว่าผมควบคุมทุกอย่างใน
อยากให้ดูรูป CT scan ปอดผม ลองดูดีๆ ทุกๆ เม็ดในนั้นคือมะเร็งครับ เราเรียกมันว่า Miliary tumor จริงๆ
แล้วผมมีมันเป็นหมื่นๆ เม็ดในปอด ผมได้รับคำอธิบายว่า ถึงแม้จะให้เคมีบำบัดอย่างเ
ผมก็จะอยู่ได้เต็มที่ประมาณ
ใครจะไม่เป็นบ้างล่ะ ผมมีอาการซึมเศร้าอย่างรุนแ
น่าขำที่ว่าสิ่งต่างๆ ที่ผมมี ความสำเร็จเอย ถ้วยรางวัลเอย รถหรูๆ เอย คฤหาสน์เอย
ทั้งหมดนั้นผมคิดไปว่ามันจะ
หดหู่ใจ สิ่งต่างๆ ที่ผมมี มันกลับไม่ทำให้ผมมีความสุข
จะทำให้ผมหลับตาลงได้ มันไม่มีทางเป็นไปได้ มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกผ่อน
ตล
กลับเป็นการได้
สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่นำคว
ที่ผมเคยเหมาเอาว่ามันจะนำค
ผมควรจะมีความสุข แต่มันกลับทำให้ผมแย่ลงไปอี
ตรุษจีนใกล้จะมาถึงแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมทำอะไรรู้มั้ย ผมมักจะขับรถหรูของผม ไปทำงาน
ไปเยี่ยมบรรดาญาติของผม เพียงเพื่อจะอวดร่ำอวดรวย ผมเองก็บันเทิงกับเรื่องแบบ
แต่มานึกแล้วเพื่อนๆ ของผม ญาติๆ ของผมคงจะกระอักกระอ่วนใจแล
พวกเขาจะร่วมยินดีไปกับผมหร
คงอยากให้ผมลองนั่งรถเมล์ดู
และบางทีก็คงนึกหมั่นไส้ผมอ
นั่นแหละที่เรียกว่า “ตัวสร้างความอิจฉาริษยา” ผมไปอวดร่ำอวดรวย เพียงเพื่อจะเติมเต็มอัตตาแ
ความยโสของตัวเอง มันไม่ได้นำความสุขมาให้ผู้
ผมจะเล่าเรื่องๆ หนึ่งให้ฟัง ตอนที่ผมมีอายุเท่าพวกคุณ ผมพักอยู่ที่หอ Edward VII Hall
ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่มีนิสั
เวลาผมเดินไปตามทางกับเธอ ถ้าเธอเห็นหอยทากคลานอยู่ใน
เธอจะคอยหยิบพวกหอยทากนั่นไ
เธอทำอย่างนั้นทำไม ทำให้มือสกปรกเปล่าๆ มันก็แค่หอยทากตัวหนึ่ง ความจริงก็คือ
เธอเข้าใจหอยทากได้ ความรู้สึกที่ว่าถูกเหยียบบ
แต่สำหรับผม มันก็แค่หอยทาก ถ้าคุณไม่มีปัญญาจะเกิดมาเป
คุณก็สมควรโดนเหยียบตาย นั่นเป็นกฎของวิวัฒนาการอยู
ที่ที่สอนผมให้เป็นแพทย์ เขาสอนผมให้เป็นคนที่มีความ
แต่ผมกลับไม่เป็นอย่างนั้นเ
ทุกเมื่อเชื่อวัน วันแล้ววันเล่า ผมพบเจอกับความตาย ยามที่ผมมองคนไข้กำลังทุกข์
ผมเห็นแค่ว่าพวกเขากำลังปวด
ผมเห็นพวกเขากำลังดิ้นรนหาย
ผมไปที่ตึกผู้ป่วย เจาะเลือด ให้ยาแก่พวกเขา แต่มันมีความหมายอะไรกับผมห
ไม่เลย มันก็แค่งาน ผมทำงาน ทำหน้าที่จนเสร็จ แล้วก็ออกจาก ward ไป แต่ละวันผมแทบจะรอกลับบ้านแ
ความเจ็บปวดคืออะไรหรือครับ
ไม่มี แน่ละ เรามีศัพท์เทคนิคต่างๆ ในการนิยามในการวัดความปวด ความทุกข์ทรมานเหล่านั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผมไม่รู้ซึ้งจริงๆ ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร จนกระทั่งผมกลายมาเป็นผู้ป่
ตอนนี้ผมเข้าใจมันอย่างถ่อง
ถ้าผม
และบางทีเราก็ควรจะเรียนรู้
แม้ว่าพวกคุณจะเพิ่งเริ่มเร
ผมอยากจะลองท้าทายคุณ 2 เรื่อง
ประการแรก หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ทุกคนใน
พวกคุณจะเริ่มสะสมความมั่งค
ช่างน่ามหัศจรรย์ใช่มั้ยครั
ปัญหาประการเดียวก็คือ พวกเราส่วนใหญ่รวมทั้งตัวผม
ทำไมผมพูดอย่างนั้น ก็เพราะเมื่อผมเริ่มสะสมเงิ
ยิ่งต้องการอะไรมาก เราก็ยิ่งหมกมุ่นอยู่กันมัน
ทั้งหมดที่ผมทำก็คือสะสม ๆ ๆ เพื่อที่จะให้ไปถึงจุดสูงสุ
เหมือนกับที่สังคมอยากให้เร
คนไข้ที่เดินเข้ามาก็เพียงแ
นานมากแล้วที่เราหลงคิดไปว่
เราแทบ
วงการทันตแพทย์ ผมบอกได้เลย ขณะนี้ในภาคเอกชน บางครั้งเราถึงกับให้คำแนะน
เพื่อให้รับการร
เราก็ยังแนะนำคนไข้ให้ทำ และถึงตอนนี้ ผมก็รู้ว่าใครบ้างที่หวังดี
และใครบ้างที่หลอกเอาเงินผม
เราสูญเสียเข็มทิศทางจริยธร
เพียงเพราะว่าเราต้องการ make money
ที่แย่ไปกว่านั้น ผมบอกได้เลย 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ เราพูดให้ร้ายเพื่อนร่วมวิช
เสมือนเป็นคู่แข่งในธุรกิจเ
เพ
ทั้งในวงการแพทย์ ทันตแพทย์ และทุกๆ วงการ สิ่งที่ผมจะเตือนคุณก็คือ
อย่าทิ้งเข็มทิศทางจริยธรรม
และหวังว่าพวกคุณจะไม่เป็นเ
ประการที่สอง พวกเราหลายคนด้านชากับคนไข้
ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐหร
ผ
จากห้องของผมโดยเร็วที่
งานที่ซ้ำซากจำเจมากๆ นั่นแค่ส่วนหนึ่ง ถามว่าผมรู้ไหมว่าคนไข้แต่ล
ความหวาดวิตกกังวลต่างๆ ที่พวกเขามี ที่พวกเขาประสบอยู่ ผมรู้มั้ย? ไม่เลย จนกระทั่งมันเกิดขึ้นกับผมเ
และผมคิดว่านั่นเป็นความผิด
เราถูกสอนมาให้เป็นผู้ให้บร
เช่นไร ผมไม่ได้ให้ขอให้พวกคุณเข้า
ผมไม่คิดว่านั่นจะทำให้เราเ
ของพวกเขาหรือย
สิ่งที่ผมจะบอกพวกคุณคือ จงพยายามเอาใจเขามาใส่ใจเรา
เพราะความเจ็บปวด ความกังวลใจ ความหวาดกลัว สำหรับคนไข้แล้วมันเป็นของจ
แม้ว่ามันอาจจะดูไม่
ตอนนี้ผมกำลังได้รับเคมีบำบ
เคมีบำบัดเป็นหนึ่งในสิ่งที
เพราะมันช่างทุกข์ทรมาน ทุเรศทุรัง เหมือนถูกโดดเดี่ยว กินอะไรไม่ได้เลยแม้แต่อย่า
เลวร้ายจริงๆ และถึงตอนนี้ ยามที่ผมพอมีเรี่ยวแรงอยู่บ
เท่าที่จะทำได้ เพราะผมเข้าใจอย่างแท้จริงแ
แต่ดูเหมือนมันจะสายเกินไปแ
พวกคุณทั้งหลายมีอนาคตที่สด
ผมกำลังจะบอกให้คุณไปหาคนไข
และกำลังทุกข์ทรมาน
แล้วเขาพอใจในสิ่งที่พวกเขา
ยังมีผู้คนอีกมากที่กำลังทุ
และนั่นเป็นของจริง เราเลือกที่จะมองข้ามพวกเขา
ลองกลับไปคิดดูนะครับ ไม่ว่าคุณจะเป็นแพทย์ผู้เชี
สำหรับผมตอนนี้ใกล้จะถึงฉาก
ได้สร้างความแตกต่างอย่างมา
สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย และนั่นทำให้ผมยังมีลมหายใจ
ผมอยากจะจบการบรรยายด้วย ประโยคนี้ มันมาจาก
หนังสือเรื่อง Tuesdays with Morrie พวกคุณบางคนคงเคยอ่านแล้ว
Everyone knows that they are going to die; every one of us knows that.
The truth is, none of us believe it because if we did, we will do things differently.
เมื่อผมเผชิญหน้ากับความตาย
ที่น่าขำก็คือ เมื่อเราเรียนรู้ว่าเราจะตา
ผมรู้ว่ามันออกจะเคร่งเครีย
อย่าให้สังคมบอกคุณว่าคุณจะ
สิ่งเหล่านั้นเคยเกิดขึ้นกั
ผมหวังว่าคุณจะใคร่ครวญกับเ
ไม่ใช่เพราะคนอื่นบอกให้คุณ
หรือจะสร้างความแตกต่างขึ้น
ผมเคยคิดว่ามันเป็นเช่นนั้น
ผมขอขอบคุณทุกท่าน ถ้ามีคำถามอะไรที่จะถามผม ยินดีครับ ขอบคุณ
(Dr. Richard Teo ได้เสียชีวิตลงในวันที่ 18 ตุลาคม 2012 ขอให้ดวงวิญญาณของเขาจงไปสู
credit : https://www.facebook.com/ilikemusa