Q: รู้สึกสุขก็สุขสุดๆ ทุกข์ก็เศร้าสุดๆ ใจสุดโต่งตลอดเวลากับเรื่องที่เข้ามากระทบแต่ละวัน จะเริ่มปฏิบัติธรรมหรือควรเริ่มฝึกอย่างไรดีคะ สำหรับมนุษย์เงินเดือน
Q: รู้สึกสุขก็สุขสุดๆ ทุกข์ก็เศร้าสุดๆ ใจสุดโต่งตลอดเวลากับเรื่องที่เข้ามากระทบแต่ละวัน จะเริ่มปฏิบัติธรรมหรือควรเริ่มฝึกอย่างไรดีคะ สำหรับมนุษย์เงินเดือน
A: ความรู้ที่ว่า “ใจเรากำลังปกติ” “ใจเรากำลังไม่ปกติ” “เรากำลังมีความสุข” “เรากำลังมีความทุกข์” เป็นสัญญาณว่าเรากำลังมีสติ รู้ตัวว่าใจกำลังแสดงอาการอะไรในขณะนั้นๆ จะว่าไปก็ต้องขอบคุณความสุดโต่งของใจ ที่ทำให้คุณรับรู้อาการของใจได้ชัดเจน
พูดถึงการปฏิบัติธรรม ยังพอจำ “ทามาก็อตจิ” ได้ไหม ใจของเราก็คล้ายๆกับทามาก็อตจิ ที่ส่งสัญญาณเรียกร้องให้เราทำโน่น ทำนั่น ทำนี่อยู่ตลอดเวลา คนส่วนใหญ่คล้อยตามสัญญาณที่ “ทามาก็อตใจ” ส่งมาในรูปของความรู้สึกนึกคิดจนหมดใจ เราเชื่อและแสดงออกผ่านคำพูดและการกระทำ โดยไม่เคยตั้งคำถามว่าสัญญาณเหล่านั้นสมด้วยเหตุด้วยผลหรือไม่
หากเราพิจารณาการปฏิบัติธรรมในมิติของการฝีกฝนอบรมใจ การเจริญสติทำให้รู้เท่าทันสัญญาณจากทามาก็อตใจ… เวลาที่ใจแสดงอาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการสุขหรือทุกข์ อย่าเพิ่งพูดหรือแสดงออกตามแรงกระตุ้นของใจ พูดง่ายๆคือ อย่าเพิ่ง “ทำตามใจ” ลองหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกสบายๆ ให้เป็นธรรมชาติสัก 2-3 ครั้ง ในช่วงเวลานั้นความคิดของเราจะหยุดไปชั่วครู่ ใจก็จะค่อยๆสงบลง สังเกตลมหายใจเข้าและออกต่อไปอีกสักพัก เราจะพบว่าใจเราสามารถสงบลงได้เอง
นอกจากเจริญสติ เรายังสามารถเจริญปัญญาที่ทำให้เรารู้ชัดในธรรมชาติของใจ โดยเบื้องต้น เราสามารถฝึกฝนปัญญาได้ด้วยการไม่ทำตามอารมณ์ ความอยาก-ไม่อยาก ความชอบ-ไม่ชอบของใจ รู้จักหยุดยั้งชั่งใจ ฝึกฝนทามาก็อตใจให้เป็นใจที่ดี รู้จักเสียสละ รู้ผิดชอบชั่วดี มีเหตุมีผล ขยัน อดทน รู้ว่าอะไรควรไม่ควร
จะอยู่ที่วัด อยู่ที่บ้าน หรือที่ทำงาน ก็ต้องปฏิบัติที่กายที่ใจของเราเหมือนๆกัน อยู่ที่ไหนก็ฝึกที่นั่น ลองฝึกฝนดูนะครับ ได้ผลไม่ได้ผลอย่างไร เล่าสู่กันฟังได้ครับ