“ความสุข คืออะไรคะ”
Q : “ความสุข คืออะไรคะ”
A : ความสุข คือ ความรู้สึกที่เป็นบวก ปลอดโปร่ง ไร้สิ่งบีบคั้น ขณะเดียวกันก็ไม่บีบคั้นกายและใจ พุทธศาสนาเรียกว่า สุขเวทนา ซึ่งมีทั้งความรู้สึกสุขทางกาย และสุขทางใจ (กายิกสุข และเจตสิกสุข) หากแยกประเภทของความสุขตามแหล่งที่มา จะมีสองประเภทใหญ่ ๆ คือ
ความสุขที่เกิดจากการเร้าจิตกระตุ้นใจ กับ ความสุขที่เกิดจากความสงบ
ความสุขที่เกิดจากการเร้าจิตกระตุ้นใจนั้นต้องอาศัยวัตถุสิ่งเสพ ยิ่งเร้ามากเท่าไร
ก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น ตรงข้ามกับความสุขประเภทที่สอง ยิ่งสงบมากเท่าไร ยิ่งเป็นสุขมากเท่านั้น
ความสุขประเภทแรกนั้นต้องอาศัยสิ่งเร้า สิ่งกระตุ้นก็จริง แต่เมื่อถูกเร้าไปถึงจุดหนึ่ง ใจก็จะตอบสนอง น้อยลง คือเริ่ม “ด้าน” มากขึ้น จะมีความสุขได้เท่าเดิมก็ต้องมีการกระตุ้นเร้ามากขึ้น เช่น เสพในปริมาณที่มากขึ้น หรือไม่ก็ต้องเสพของที่แปลกใหม่กว่าเดิม เช่น ความสุขที่เกิดจากการกินอาหาร ที่อร่อย ฟังเพลงเพราะ หากกินอาหารนั้นซ้ำๆ ทุกวัน ต่อเนื่องกันเป็นอาทิตย์ ความสุขจากการกิน อาหารนั้นจะน้อยลงจนกระทั่งกลายเป็นความรู้สึกเบื่อ หรือเป็นทุกข์ไปเลย ในทำนองเดียวกันหากฟัง
เพลงนั้นซ้ำๆกันทุกวัน หรือฟังเป็นร้อยครั้ง ความสุขจากการฟังเพลงนั้นจะลดลงจนเบื่อหรือเอียนในที่สุด
ความสุขที่เกิดจากความสงบ แม้ไม่หวือหวาเท่าความสุขประเภทแรก แต่มีผลดีที่ยั่งยืนกว่า
สำหรับความสุขประเภทที่สองนั้น แม้ไม่หวือหวาเท่าความสุขประเภทแรก แต่มีผลดีที่ยั่งยืนกว่า และมีโทษน้อยกว่า เพราะไม่ชวนให้ไปเบียดเบียนใครหรือแข่งขันแย่งชิงวัตถุสิ่งเสพจากใคร ตรงกันข้ามหากไปเบียดเบียนใคร แก่งแย่งจากใคร ความสงบก็จะหายไป ดังนั้นถ้าอยากได้รับ ความสุขประเภทนี้ ต้องละเว้นจากการทำชั่ว รวมไปถึงลดละความอยากได้ใคร่ดี อยากมีมากๆ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความสุขประเภทแรกนั้นถ้าอยากมีมากๆ จำต้องเสพต้องครอบครองวัตถุให้มากๆ
ส่วนความสุขประเภทที่สองนั้น ยิ่งลดละมากเท่าไร ก็บังเกิดแก่จิตใจมากเท่านั้น เพราะยิ่งลดละ ใจก็ยิ่งสงบ