ความสุขจากการสัมผัสธรรมชาติ
ธรรมชาติ ความรัก ความสุข
ธรรมชาติไม่ใช่เพียงต้นไม้ ใบหญ้า ท้องทุ่ง และลำน้ำ แต่หมายรวมถึงธรรมชาติในใจเราด้วย ใจที่มีความรักจะเห็นคุณค่าธรรมชาติภายนอกและมีความสุขอยู่กับสิ่งนั้น เมื่อความรักในธรรมชาติกับความสุขเป็นสิ่งเดียวกัน จะเชื่อมโยงความปรารถนาดีไปยังผู้อื่น
เช่นที่นักวิชาการเกษตรผู้คลุกคลีอยู่กับดอกไม้และเป็นผู้บุกเบิกวงการกล้วยไม้ไทยสู่สากล ศ.ระพี สาคริก ได้ปฏิบัติมาเกือบทั้งชีวิต ท่านเข้าหาธรรมชาติของดอกไม้ด้วยแรงผลักดันที่จะเอาชนะอุปสรรคและความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ท่านสนใจกล้วยไม้และเริ่มต้นปลูกเองด้วยอายุเพียง 6-7 ขวบ ด้วยความรู้สึกที่ต้องการต่อสู้กับคนกลุ่มหนึ่งในสังคม ซึ่งนำเอากล้วยไม้มาปฏิบัติบนพื้นฐานความไม่เท่าเทียม ท่านเริ่มต้นบรรจงเพาะกล้วยไม้เมล็ดแรกด้วยความรู้สึกรักและทะนุถนอม ซึ่งสิ่งนี้เกิดจากวิญญาณซึ่งหยั่งรากลงอย่างลึกซึ้ง
“ความสวยงามเป็นที่ต้องการของสิ่งมีชีวิตในโลกใบนี้ แต่ในขณะเดียวกัน การจะเดินไปหาสิ่งที่งดงาม เราก็ต้องเดินบุกป่าฝ่าดงไปก่อน ถ้าเราไม่เจอะสิ่งที่ไม่พอใจ แล้วเราจะไปเจอสิ่งที่พอใจได้อย่างไร …ผมสนใจกล้วยไม้ เพราะมองเห็นว่า มันมีหนามเต็มไปหมดเลย ผมชอบเดินฝ่าดงหนาม ทุกเรื่อง มีปัญหาทั้งนั้นเลย กล้าที่จะเดินเข้าไปหามัน และเอาชนะใจตัวเองให้ได้หมดทุกเรื่อง”
เรื่องกล้วยไม้ของ อ.ระพี มีนัยยะที่ลึกซึ้ง คือการเชื่อมโยงกับความรักในเพื่อนมนุษย์และการเติบโตอย่างกลมกลืน “แม้ผมทำเรื่องกล้วยไม้ แต่จริงๆ แล้วผมไม่ได้ทำเรื่องกล้วยไม้ ผมทำเรื่องมนุษย์ …ความสุขของผมคือการได้ทำงานเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมโดยใช้กล้วยไม้ ผมมาจับงานการศึกษาทางเลือก เพราะคนไทยส่วนใหญ่มองเห็นแต่เปลือก เนื้อในที่แท้จริงนั้นคือความซื่อสัตย์สุจริตที่มันอยู่ในใจมนุษย์”
เมื่อมนุษย์มีจิตใจ จึงเห็นดอกไม้สวย มันเป็นอาหารใจ
อ.ระพี ยังพบความสมดุลของธรรมชาติที่ก่อเกิดในจิตวิญญาณมนุษย์ จนเห็นความงามและนำมาซึ่งความสุข “ผมพบว่า โลกมันแตกจากดวงอาทิตย์ พอเย็นลงถึงจุดหนึ่ง ก็เกิดชีวิต มันจะต้องให้มาคู่กัน มนุษย์มีวิญญาณ ตีความได้ว่า มนุษย์มีจิตใจ เมื่อมนุษย์มีจิตใจ จึงเห็นดอกไม้สวย มันเป็นอาหารใจ”
ธรรมชาติทำให้ชีวิตเบาและสบายขึ้น
ในอีกด้านหนึ่งการได้อยู่กับกับธรรมชาติทำให้เกิดความเงียบสงบ และเห็นความเป็นจริงว่า ธรรมชาติเป็นอย่างนี้ มีสายลม แสงแดด มีนกร้อง มีความงดงาม เมื่อเห็นอย่างที่ธรรมชาติเป็น จะเกิดความเงียบสงบขึ้นภายใน ไม่ฝืน ไม่หนี ไม่ผลักดัน ไม่วิ่งหา เพราะรู้ว่ามันเป็นอย่างนี้เอง
ผู้เป็นดั่งต้นแบบของการใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ คุณโจน จันใด พบความรู้สึกนี้ด้วยตัวเอง หลังจากตัดสินใจกลับไปหาวิถีการมีชีวิตที่ยั่งยืนในต่างจังหวัดเป็นเวลาเกือบยี่สิบปี ชีวิตประจำวันของเขาอยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง เขาสร้างบ้านดินอยู่เอง ทำสวน ไร่ นา เพื่อปลูกอาหารกินเอง ผลิตข้าวของเครื่องใช้ประจำวัน รวมทั้งดูแลสุขภาพด้วยธรรมชาติที่มีในพื้นที่ “เราใช้ดินรักษาโรค ใช้น้ำรักษาโรค ใช้ไฟรักษาโรค ซึ่งทุกอย่างเป็นสิ่งที่ธรรมชาติให้มาทั้งหมด ทำให้เรารู้สึกว่า ชีวิตมันง่ายขึ้น เบาขึ้น สบายขึ้น”
ความสุขจากธรรมชาติมีความยั่งยืน
“สำหรับผมความสุขเกิดขึ้นตอนที่เราพึ่งตนเองได้ ทำให้เราเกิดอิสรภาพ และอิสรภาพคือสิ่งที่ทำให้เราเพลิดเพลินกับชีวิตได้ เราพึ่งตนเองได้อย่างน้อยๆ ปัจจัย 4 คือ อาหาร บ้าน ผ้า และยา เราจะมีความกลัวน้อยลง เราจะรู้สึกว่า ชีวิตเป็นอิสระมาก และมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงขึ้น ตรงนี้ที่ผมรู้สึกว่า มันเป็นความสงบสุขภายในที่ทำให้ชีวิตมันมีค่า มีความหมาย และมีความเพลิดเพลินมาก อิสรภาพและความสุขเป็นสิ่งเดียวกัน”
ความสุขที่ได้รับจากธรรมชาติมีความยั่งยืน คุณโจนยกตัวอย่างว่า “ถ้าเราอยากได้รถคันหนึ่ง เราซื้อมันมาได้ เราจะตื่นเต้นยินดีกับมันมากในวันสองวันแรก แต่พอเราใช้ไปสักพักหนึ่ง ความพอใจจะลดลงๆ อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเราได้อยู่กับธรรมชาติที่เย็นสบาย งดงาม สงบเยือกเย็น เราจะรู้สึกถึงความยั่งยืน นิ่ง ไม่เสื่อมลง และไม่แปรเปลี่ยนง่าย เพราะเป็นสิ่งที่อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและเป็นจริง โอกาสที่จะพลิกเปลี่ยนเป็นไปได้ยากมาก ชีวิตเรามั่นคงมากขึ้น แม้ว่าเราจะไม่มีเงิน แต่เรารู้สึกมั่นใจ และมั่นคงในวิถีของเรามากขึ้น”
ถ้าเราได้อยู่กับธรรมชาติที่เย็นสบาย งดงาม สงบเยือกเย็น เราจะรู้สึกถึงความยั่งยืน นิ่ง ไม่เสื่อมลง และไม่แปรเปลี่ยนง่าย
การอยู่กับธรรมชาติยังทำให้เห็นกระบวนการของชีวิตได้ชัดเจนขึ้น “เราเห็นว่า ผัก ข้าว ปลา มาจากไหน เพราะเราอยู่กับมัน เราปลูกมันมา แค่เราหว่านเมล็ดพันธุ์ลงไป รดน้ำ เราเห็นมันงอกขึ้นมา ใส่ปุ๋ยหมัก เราเห็นมันเติบโต แล้วเราก็เอามากิน เรารู้ตั้งแต่ต้นจนจบจนเป็นเลือดเป็นเนื้อของเรา แล้วก็ขับถ่ายออกไป เราเห็นขั้นตอนกระบวนการของมัน จึงมีความมั่นใจในวิถีชีวิตของเรามากว่า เราต่างพึ่งพาอาศัยสิ่งเหล่านี้ เราอยู่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว การได้เห็นว่าร่างกายของเราไม่ได้มีแค่นี้ มีพืชผัก น้ำ แสงแดด ที่อยู่รอบๆ ตัวเราด้วย มันเป็นชีวิตจริงๆ ฉะนั้นการเห็นต้นไม้โบกไหว มันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราเช่นกัน การดูแลร่างกายเราคือการดูแลสิ่งเหล่านี้ การเห็นชีวิตตรงนี้ทำให้เราเกิดความสงบ และผ่อนคลาย”
เริ่มต้นความสุขจากธรรมชาติรอบตัว
สำหรับผู้ปรารถนาจะเข้าหาของความสุขจากธรรมชาติ คุณโจนให้คำแนะนำเรื่องนี้ว่า
# ถามตัวเองว่า เราต้องการอะไรในชีวิตจริงๆ เราทำงานหนักทุกวันนี้เพื่ออะไร ถ้าพิจารณาเรื่องเหล่านี้ให้ลึกลงไป เราจะเริ่มเห็นคำตอบชัดเจนมากขึ้นว่า ถ้าเราต้องการอะไรที่นอกเหนือจากเงิน รถ บ้าน หน้าตา เราก็สามารถแสวงหาทางออกได้ เพราะชีวิตมีทางเลือกเยอะมาก
# คนในเมืองหรือคนอยู่ที่ไหนก็ตามสามารถสัมผัสธรรมชาติได้ โดยทำงานเท่าที่จำเป็น และไม่สะสมจนเกินไป เพื่อมีเวลาว่างมากขึ้นและสามารถที่จะมีพื้นที่ว่างในสมองให้กับธรรมชาติได้ ธรรมชาติไม่ใช่สิ่งที่เราต้องแสวงหา มันมีอยู่กับเราทุกที่ เพียงเปิดใจรับมันเท่านั้น ด้วยการให้เวลากับตัวเองที่จะอยู่กับธรรมชาติ เช่น นั่งดูกอหญ้ากอหนึ่งเราก็จะเห็นความงดงามของมัน ดอกหญ้าดอกเล็กๆ งอกงามขึ้นมา ลมพัดเบาๆ มันสั่นไหวอย่างมีชีวิตชีวา เราเห็นความเป็นชีวิตอยู่ในนั้น เห็นความงามอยู่ตรงนั้นได้
# อาชีพที่มั่นคงที่สุดในโลกปัจจุบันคือ อาชีพเกษตรกร เพราะเป็นอาชีพเดียวที่กำอาหารไว้ในมือ ในขณะที่โลกกำลังแปรปรวนสุดขั้ว สิ่งที่มั่นคงสูงสุดในชีวิตของเราคืออาหาร ฉะนั้น ถ้าเรารู้จักการปลูกอาหารได้ เราจะมีความมั่นคงสูงสุด
# คนเมืองสามารถเชื่อมต่อกับคนชนบทได้ เพื่อให้เขาส่งพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ดีมาให้เราบริโภคในเมือง นอกจากนี้ในวันหยุดและวันว่าง คนเมืองสามารถออกไปเยี่ยมคนชนบท เพราะชีวิตไม่ควรตัดขาดจากกัน ถึงแม้ว่าเราอยู่ในเมือง เราก็สามารถรู้ว่าข้าวปลาอาหารที่เรากินมาจากไหน ใครเป็นคนปลูก วันว่างเราอาจไปช่วยเก็บไข่ หรือช่วยถอนหญ้า ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อชีวิตเข้าหากัน
รักษาธรรมชาติโดยลดบริโภคเกินจำเป็น
คุณโจน ให้ทัศนะถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดวิกฤติการอยู่ร่วมกันและระบบการเงินพังทลายภายในไม่เกิน 10 ปีข้างหน้าว่า ทรัพยากรธรรมชาติเริ่มจะหมดลง ขณะที่คนยังต้องการเงินและบริโภคอย่างไร้ขอบเขต เขาได้แนะสิ่งที่ควรเตรียมให้ดีที่สุดคือ การฝึกตัวเองให้มีความสามารถในการพึ่งตนเอง ได้แก่ 1) มีปัจจัยสี่ อาหาร บ้าน ผ้า และยา 2) มีเมล็ดพันธุ์ของตัวเอง คือเมล็ดพันธุ์อาหารทั้งหมดที่เรากินอยู่เพื่อกลับสู่พื้นดินและพัฒนาดินให้อุดมสมบูรณ์ 3) สร้างครอบครัวและชุมชนให้มีความอบอุ่น และแข็งแรง
ถึงกระนั้น วิกฤติดังกล่าวสามารถยืดเวลาออกไปหรือไม่เกิดขึ้นเลย ก็ด้วยการลดการบริโภคลงในทุกๆ ด้านตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้ธรรมชาติได้มีเวลาสร้างขึ้นมาทดแทน และสามารถกลับไปสู่วงจรของความยั่งยืนได้ เพื่อให้เรามีธรรมชาติที่งดงามหล่อเลี้ยงร่างกายและจิตใจเราไปอีกนาน
ศ.ระพี สาคริก อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสบความสำเร็จในการค้นคว้าและส่งเสริมกล้วยไม้ไทยทั้งในด้านการปรับปรุงพันธุ์ ขยายพันธุ์ตลอดจนการส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่ง อ.ระพี ได้นำเรื่องกล้วยไม้มาเชื่อมโยงกับการบ่มเพาะวิญญาณของความรักในเพื่อนมนุษย์
คุณโจน จันใด เกิดที่จังหวัดยโสธร เคยผ่านการทำงานหลายรูปแบบระหว่างอยู่กรุงเทพฯ เป็นเวลา 7 ปี ซึ่งทำให้เขาพบว่า ยิ่งทำงานหนักกลับยิ่งไม่ได้อะไรและไม่มีอะไรติดตัวเลย จึงเกิดความรู้สึกว่า จะดิ้นรนไปทำไม เมื่อทุกคนทำงานหนัก แต่กลับต้องทำลายทรัพยากรทั้งหมด เขาจึงกลับไปหาวิถีที่ทำให้เกิดการอยู่แบบยั่งยืนคือ การอยู่กับธรรมชาติ โดยธรรมชาติไม่ถูกทำลาย เขากลับไปอยู่จังหวัดยโสธรอีกเกือบสิบปี ทำนาอินทรีย์ บุกเบิกการสร้างบ้านดิน ทำเกษตรกร ต่อมาได้ย้ายไปอยู่จังหวัดเชียงใหม่จวบจนปัจจุบันเป็นเวลากว่าสิบปี