ความสุขของแม่
เมื่อถึงวันแม่ของทุกปี เรามักจะได้อ่าน ได้เห็นความมหัศจรรย์ของความเป็น ‘แม่’ ทั้งเรื่องของความเสียสละ ความเข้มแข็ง ความอดทน ความรักอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ต้องการการตอบแทน แต่ที่น่าทึ่งมากกว่านั้นก็คือ ความเป็นแม่ยังเหมือนต้นกำเนิดผลิต ‘พลังแห่งความสุข’ ที่ไร้ข้อจำกัด คนเป็นแม่สามารถเข้าใจความทุกข์ ใช้ความรักเป็นตัวแปรเปลี่ยนให้เกิดพลังแห่งความสุข เติมเต็มให้กันและกันได้อย่างไม่มีวันหมด
ทุกๆ เช้า ภารกิจประจำวันของ คุณแม่นฏชมน นิลอ่อน หรือ คุณแม่สาวคือการตื่นขึ้นมาออกกำลังกายกับ ‘น้องพลาย’ ลูกชายวัยซน ดูแลน้องพลายให้ไปโรงเรียน หลังจากนั้นก็จะแวะเข้าไปตอบคำถาม เขียนเรื่องราวดีๆ มอบข้อความเป็นกำลังใจให้กับคุณแม่ที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษคนอื่นๆ ที่เข้ามาพูดคุยกันผ่านเพจ ‘แม่สาว น้องพลาย’
วันที่ได้คุยกับแม่สาว แม่สาวเล่าเรื่องราวชีวิตของเธอด้วยรอยยิ้มผ่านมุมปาก และดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ทั้งๆ ที่เรื่องเล่าของแม่สาวในอดีตที่พรั่งพรูออกมา เป็นความทุกข์แสนสาหัส เริ่มต้นเมื่อรู้ว่าลูกชายของเธอเป็นเด็กออทิสติก
“ตอนแรกที่รู้ว่าลูกเป็นออทิสติก ร้องไห้ติดต่อกันตลอดสามเดือน พ่อเขาก็รับไม่ได้ เมามายทุกวัน ลูกสาวคนโตเขาก็สุขภาพจิตแย่ เพราะเราก็เอาความทุกข์ไปลงที่เขา ครอบครัวมันแย่ลงเรื่อยๆ จนวันหนึ่งมาถึงจุดที่รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เราเลยบอกตัวเองว่าต้องตั้งสติกลับมาให้ได้ ต้องกลับมาช่วยลูกของเราให้ดีขึ้นให้ได้”
จากอาชีพนักบัญชี แม่สาวตัดสินใจลาออกจากงานหันมาทุ่มเทดูแลลูกอย่างเต็มที่ ทำให้ชีวิตเดินต่อมาเจอกับความทุกข์ที่สอง คือปัญหาสถานภาพการเงินของครอบครัว
“ตอนออกจากงานมาดูแลลูกก็ทุกข์นะ รายได้ไม่มี มีแต่หนี้ แต่ก็ลองหันมามองในมุมบวก ก็รู้สึกว่าดีนะ เราได้ดูแลลูกชายเต็มที่ แล้วยังได้ดูแลลูกสาวที่เริ่มเป็นวัยรุ่นด้วย ใช้เวลาสักพัก พอเห็นลูกเริ่มดีขึ้น เราก็ได้พ่อเขากลับคืนมาด้วย เขาตั้งปฏิญาณว่าจะไม่กินเหล้าอีก กลายเป็นว่าเราไม่มีงาน ไม่มีเงิน แต่ได้ครอบครัวกลับคืนมา”
น้องพลายเป็นเด็กออทิสติกที่มีอาการค่อนข้างหนัก แม่สาวต้องใช้เวลาและความพยายามนานหลายปีในการดูแลน้องพลายให้มีพัฒนาการดีขึ้น จากที่ไม่เคยอ่านหนังสือ แม่สาวกลายเป็นคนที่อ่านทุกอย่างที่มีประโยชน์ที่จะมาใช้ดูแลลูกได้ แม่สาวยังประสบความสำเร็จในการนำนิทานมาพัฒนาลูก จากเด็กที่ร้องอาละวาด ฉีกทึ้งหนังสือ หลังความพยายามนับร้อยนับพันครั้ง ในที่สุดน้องพลายก็อ่านหนังสือได้ พัฒนาการดีขึ้น จนกลายเป็นเด็กรักการอ่าน ชอบเรียนรู้ และไปโรงเรียนเรียนร่วมกับเด็กปกติได้ในที่สุด
ชีวิตที่เคยผ่านความทุกข์ ทำให้แม่สาวรู้และเข้าใจว่าคุณแม่คนอื่นที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนั้นมีความทุกข์มากเพียงใด แม่สาวจึงตัดสินใจก้าวไปทำงานเป็นคุณแม่จิตอาสา นำนิทานไปช่วยพัฒนาเด็กพิเศษครอบครัวอื่นๆ ในโครงการนิทานสร้างได้ นอกจากนี้ยังเปิดเพจ ‘แม่สาว น้องพลาย’ ให้เป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พูดคุย ปรึกษา ให้กำลังใจกันและกันในกลุ่มคุณแม่ที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษอีกด้วย
“ทุกวันนี้ชีวิตเปลี่ยน จากนักบัญชีที่เคยใจร้อน โมโหง่าย ก็เปลี่ยนเป็นช้าลง ทุกเช้าเราต้องตื่นมาออกกำลังกายกับลูก เรามีแฟนเพจของน้องพลาย มีแม่ๆ คนอื่นคอยติดตาม ชีวิตเราเลยกลายเป็นเปลี่ยนมาทำเพื่อคนอื่น อยากช่วยเหลือคนอื่นให้มากขึ้น”
แม่สาวกล่าวว่า การงานจิตอาสาและการทำอะไรเพื่อคนอื่น กลายเป็นกิจวัตรที่ทำให้เธอมีความสุขในแต่ละวัน ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า แล้วปัญหาการเงินที่เคยรุมเร้ายังคงอยู่หรือไม่? ทุกข์และสุขของแม่สาวจัดสรรลงตัวได้อย่างไร?
“วันนี้ที่เรามีความสุข เราสุขในฐานะที่เราดูแลครอบครัวได้ เรามีเวลาทุกวัน ได้ช่วยเหลือคนอื่น มีรอยยิ้มทุกวัน แม้เราจะมีหนี้อยู่ แต่เราก็สบายใจว่าลูกดูแลตัวเองได้ ลูกเราดูแลกันและกันได้ เท่านี้เราก็มีความสุขแล้ว เรื่องเงินทองก็ถือเป็นเรื่องปกติ เราก็ต้องประหยัดกันไป”
วันนี้ในโลกออนไลน์ ที่แต่ละวันมีเรื่องราวต่างๆ หมุนเวียนให้เราได้อ่านนับล้านๆ เรื่อง ยังมีสายใยแห่งความรักเส้นน้อยๆ ที่เชื่อมโยงส่งต่อพลังแห่งความสุข ระหว่างคุณแม่คนหนึ่งไปถึงแม่ลูกอีกนับร้อยนับพันคู่ เป็นการส่งต่อของกำลังใจ ให้ความรักหนึ่งไปจุดประกายสร้างพลังให้อีกความรักหนึ่ง ส่งทอดกันต่อกันไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“ชีวิตที่เปลี่ยนมาทำเพื่อคนอื่น พอเห็นคนอ่ื่นทุกข์ เราจะเห็นเลยว่าทุกข์ของเรามันเล็กมาก เราไม่มีเวลามาเวิ่นเว้อกับชีวิตเราหรอก ตอนนี้เราอยากมีแรง มีพลังไปหา ไปทำกิจกรรม ไปช่วยคนอื่นๆ มากกว่า”
นี่แหละความสุขของแม่….เป็นความสุขที่จริงแท้ มหัศจรรย์ และยิ่งใหญ่ไม่แพ้ความสุขใดๆ ในโลก….
